Review ArtVise Education
ได้พี่จาก ArtVise แนะนำตั้งแต่ขั้นตอนประกวดทุน แนะนำเอกสารการเดินทางที่ค่อนข้างยุ่งยาก ผมเลยเตรียมทุกอย่างได้พร้อม ไม่ติดขัดเลย ขอบคุณครับ
วิวศเดช รัศมิทัต
– Tong –
ทำความรู้จักกับศิษย์เก่า
สวัสดีครับ ผมชื่อ วิวศเดช รัศมิทัต ชื่อเล่น ต้อง จบป.โท หลักสูตร Master of Arts in Product Design จากสถาบัน NABA ครับ ตอน ป.ตรี ก็เรียน Product Design จากศิลปากรครับ คณะมัณฑนศิลป์ ภาคออกแบบผลิตภัณฑ์
ตอนแรกที่ผมไปเรียนต่อเนี่ย ต้องบอกเลยว่าพอเราเรียนจบมาที่ ป.ตรี อาจจะเป็นแค่ผมเองที่รู้สึกว่า เราไม่กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักออกแบบผลิตภัณฑ์ เพราะว่า หนึ่งคือเราเพิ่งจบมา แล้วประสบการณ์เรายังไม่มี เรายังไม่มีความมั่นใจ ก็เลยคิดว่าเราน่าจะไปเรียนต่อ เพื่อที่จะเสริมความมั่นใจตรงนี้
Review NABA
– Tong Vivasadej –
ทำไมเลือกไปเรียนต่อที่อิตาลี ?
อิตาลีเป็นเมืองที่มีศิลปะ และการออกแบบที่เยอะมาก แล้วที่ผ่านมาผมเองก็เป็นคนที่ทำงานสาย function ไม่ได้เน้นดีไซน์ หรือความสวยงาม ก็เลยถ้าไปเรียนที่อิตาลี มันน่าจะช่วยส่งเสริมเราด้านดีไซน์ที่เราขาดไปได้
มิลานเป็นเมือง headquarter ของบริษัทดีไซน์ใหญ่ๆ หลายๆที่ ทำให้เราสามารถเดินไปที่โชว์รูมของแบรนด์ต่างๆได้ เราได้เห็นเฟอร์นิเจอร์จริงๆ ที่ว่าสมมติถ้าเราอยู่ไทย เราอาจจะเห็นไกลๆ แต่ว่าพอไปที่มิลาน เราสามารถเดินเข้าไปดู ไปจับ ไปดูดีเทลได้
เล่าการเรียนที่ NABA ให้ฟังนิดนึงค่ะ ?
ตอนแรกรู้สึกประหม่าเพราะว่า ตอนที่แนะนำตัว เพื่อนๆในคลาสทุกคนมาจากสาย Product Design เหมือนกันหมดเลย ก็คิดว่า ทุกคนต้องน่าจะต้องเก่งมากๆแน่ๆ เพราะมารวมกันที่อิตาลี แต่ว่าที่นู่นสร้างความเซอร์ไพรส์กับผมอย่างนึงก็คือว่า ทุกคนเค้าจะไม่ได้แบบวัดกันที่ความเก่ง ทุกคนแบบส่งเสริมกัน ทุกคนมีสไตล์ของตัวเอง ไม่มีใครเบลมว่างานคนนี้ดีกว่าอะไรอย่างนี้ครับ
ที่ NABA เค้ามักจะให้ทำงานเป็นกลุ่ม ทำให้เราได้เรียนรู้จากการทำงานกับ Culture ต่างๆที่ไม่เหมือนกัน อย่างเพื่อนในคลาสมีทั้งอิตาเลียน คนจีน หรือคนญี่ปุ่นเองก็ดีครับ
NABA
International Academy of Art & Design
ตอนเรียน ได้เจอดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียงบ้างมั้ยคะ ?
มีอาจารย์คนนึงครับ เค้าชื่อ Mario ก็เค้าเป็น Designer ที่ออกแบบให้กับ Alessi มาสอนในคลาส แล้วก็ถามนักเรียนทุกคนว่า Product Design ในความคิดของทุกคน คืออะไร ซึ่งตอนแรกผมก็แวปมาในหัวเลยว่ามันคือแบบการแก้ไขปัญหาเหมือนที่เราเข้าใจมาตลอด แต่พอผมฟังเพื่อนๆแล้วก็ฟังอาจารย์พูด มันเปลี่ยนความคิดผม เพื่อนบางคนก็บอกว่าทำอะไรก็ได้ที่ทำให้คนอื่นมีความสุข หรือทำในสิ่งที่เราอยากทำ หรือการเล่าเรื่องราวต่างๆ
ผมตอบว่ามันคือการแก้ปัญหา อาจารย์เค้าก็พูดเหมือนกับว่า การแก้ปัญหามันก็ใช่ แต่บางอย่างของมันออกแบบมาเป็นร้อยปีแล้ว มันยังออกแบบกันอยู่เลย อย่างเช่น เก้าอี้ ผมก็เลยแบบเออว่ะ แล้วถ้าอย่างนั้นการออกแบบมันคืออะไร
อาจารย์ก็บอกว่าการออกแบบจริงๆมันคืออะไรก็ได้ มันคือการถ่ายทอดเรื่องราวอะไรบางอย่าง จากเราไปสู่ลูกค้า ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากถ่ายทอดอะไรมากกว่า ก็เลยเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมรู้สึกว่าการออกแบบมันไม่ใช่การแก้ปัญหาอย่างเดียว ไม่ได้มีแต่การออกแบบเชิง function มันมีทั้งการออกแบบ แบบเชิงความสวยงาม เชิงคอนเซป อะไรพวกนี้ด้วยครับ
โปรเจคที่ประทับใจ ?
มีวิชา Decoration Design เค้ามีโจทย์ให้ออกแบบหนัง สำหรับแบรนด์เฟอร์นิเจอร์อิตาเลียนไฮเอนท์ แบรนด์ Natuzzi อาจารย์เค้าก็พาเจ้าของบริษัทมาพูดให้ฟัง มาบรรยาย แล้วก็มาอธิบายเกี่ยวกับ Background บริษัท รวมไปถึงพูดถึงคอนเซปที่เค้าอยากได้
เค้าอยากได้คอนเซป Pattern หนังที่เค้าจะเอาไปต่อยอดอย่างอื่นได้ ที่ให้ความรู้สึกเหมือน กลับบ้านเกิดของเค้า ก็คือ แคว้น Puglia ที่อยู่ทางตอนใต้ของอิตาลีครับ ซึ่ง Puglia เมืองเก่าแก่ ตั้งอยู่ริมทะเล ก็จะมีทั้ง Architecture และธรรมชาติผสมกัน
โปรเจคตัวนี้นะครับ ผมทำกับเพื่อนอีกสองคนซึ่ง เป็นทั้งคนจีน และคนอิตาลี ซึ่งอันนี้ก็อาจจะเป็นการได้เปรียบของผมที่ว่าได้ทำงานร่วมกับคนอิตาลี ที่เค้าเป็นแบรนด์อิตาลีเหมือนกัน ซึ่งเค้าบอกว่า Puglia เนี่ยเป็นเมืองที่ ทุกคนจะถอดรองเท้าเดิน เพราะว่าเป็นเมืองริมทะเล
เราเลยมีไอเดียอยากทำ Pattern หนังที่มันมี Feeling ที่แบบเราสามารถสัมผัสได้จากความรู้สึก ก็เลยไป focus เรื่องที่ว่า เมืองเค้ามี Architecture ที่ผุกร่อนจากน้ำทะเล หรือลมเซาะ เราเลยออกแบบมาเป็นหนังที่มีการ Embossed (การปั๊มนูน) ลงไป และก็มีเส้น Grid ของ Architect ที่ต้องการถ่ายทอดว่ามันเป็นเรื่องราวประวัติศาสตร์ของการออกแบบ และธรรมชาติรวมอยู่ด้วยกันครับ
โปรเจคตัวนี้ก็ได้รับรางวัลจาก Natuzzi ที่เค้ายอมรับว่าเป็นโปรเจคที่ดี และเค้าจะนำไปใช้ต่อในอนาคต
Puglia @kirsten-velghe-O7IulWjXAJ0-unsplash
Students’ Project in collaboration with Natuzzi
สิ่งที่ได้รับจากการเรียนที่ NABA ?
ผมรู้สึกประทับใจอาจารย์ใน NABA ที่เค้าพัฒนาความคิดเด็กต่อเรื่อยๆ เค้าจะไม่ Cancel ความคิดเด็กออกไป เค้าจะคุยกับเรา ว่าเราอยากทำแบบนี้ใช่มั้ย เพราะอะไร ถ้าเรามีเหตุผลเราก็ทำงานสไตล์นี้ต่อได้ แต่ว่ามันอาจจะต้องปรับปรุงนิดหน่อย เค้าจะแบบพานำความคิดเรา กับไอเดียเราไปให้ถึงปลายทาง
และทาง NABA มีพาเราไป field trip อย่างครั้งนึงที่ประทับใจ เค้าพาเราไปพิพิธภัณฑ์ของ Kartell ครับ ได้เห็นงานทั้งหมดของ Kartell ได้เห็น timeline ครับ ก็รู้สึกดี
จริงๆที่ NABA ทำให้เราได้ทำโปรเจคหลากหลายมากๆ ไม่ว่าจะ product ชิ้นเล็ก หรือชิ้นใหญ่ ตั้งแต่แว่นตา เฟอร์นิเจอร์ ออกแบบ Exhibition มันเหมือนเป็นการเรียนรู้ตั้งแต่ศาสตร์ชิ้นเล็ก รวมไปถึงชิ้นใหญ่
นอกจากนี้ ยังมีวิชาที่เป็นแบบ new multimedia ออกแบบสื่อดิจิทัล ทำ Video รวมไปถึงมีแบบคลาส Interaction ที่สอนไปถึงแบบ UX UI สอนไปถึงแบบปฏิสัมพันธ์ของ Product ต่างๆ ไม่ใช่แค่ UX UI ใน Digital แต่ว่าใน Product ใน Physical ก็มี มันเป็นเหมือนแบบเราเรียนรู้ Product ในหลายๆศาสตร์ไปพร้อมๆกัน
ตอนนี้ พี่ต้องทำงานอะไรคะ
ปัจจุบันเป็นอาจารย์ คณะมัณฑนศิลป์ออกแบบผลิตภัณฑ์ ที่มหาวิทยาลัยศิลปกร ครับผม
ผมมองว่าการไปเรียนต่อมันไม่ใช่การที่เราไปหาความรู้เพิ่มเติมอย่างเดียว แต่มันเป็นเหมือนแบบการที่เราไปเปิดโลกต่างๆ ไปหาประสบการณ์ เห็นในสิ่งที่เราอาจจะไม่ได้เห็น ตอนอยู่ที่ไทย หรือว่าไปสัมผัสในแบบ Culture ใหม่ๆ ประสบการณ์ใหม่ๆ มันเป็นการเหมือนแบบ ขยาย mindset ของเรามากขึ้น
สรุป ประสบการณ์ครั้งนี้ เราได้อะไรกลับมาบ้างคะ ?
NABA เป็นตัวเลือกที่ดี ที่ผมรู้สึกว่า พอผมไปแล้วมันได้รับการเรียนการสอนที่ไม่มากไม่น้อยไป เป็น 2 ปีที่ลงตัว ได้ลองในสิ่งใหม่ๆ มีประสบการณ์ที่ดีครับ
อาจารย์คนนึง เค้าเคยบอกผมว่าแบบตอนเราเรียน มันเป็นเหมือนเราอยู่ใน Sandbox ที่เราอยากเล่นอะไรก็ได้ เพราะฉะนั้น เราเข้าไปเรียน แล้วเราก็ไปลองในสิ่งที่เราอยากลองทั้งหมดเนี่ยครับ
ขอบคุณ พี่ต้อง สำหรับ บทสัมภาษณ์
สนใจเรียนต่อ ปริญญาโท สาขา Product Design
สถาบัน NABA, Milan Italy
ปรึกษาเราได้เลยนะคะ แนะนำโดยศิษย์เก่าจากทางสถาบัน ละเอียดทุกขั้นตอน บริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย