Review ArtVise Education
พี่จาก ArtVise ให้ข้อมูลดีมากค่ะ ตั้งแต่แนะนำการสมัครประกวดทุน การทำเอกสาร เดินทางต่างๆ รู้สึกอุ่นใจมากค่ะ
กัญญุมา ประชาศิลป์ชัย
– May –
ทำความรู้จักกับศิษย์เก่า
สวัสดีค่ะ ชื่อ “กัญญุมา ประชาศิลป์ชัย” ชื่อเล่นชื่อเม จบการศึกษาปริญญาโท จาก NABA สาขา Interior Design ปัจจุบันทำงานออกแบบ เป็น Freelance ค่ะ
ก่อนหน้านี้เรียนจบ ป.ตรีสาขาวรรณคดีอังกฤษค่ะ แต่ว่าพอจบออกมาแล้ว ทำงานแปลไปสักพักนึง แล้วรู้สึกว่า ไม่ใช่งานที่ชอบ ก็เลยไปเรียนออกแบบที่สถาบัน CIDI ในประเทศไทย เพื่อปูพื้นฐานแล้วก็ จากนั้นเมก็ไปเรียนต่อ ป.โท ที่ NABA ค่ะ
จริงๆเมชอบงานศิลปะมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว แต่ว่าไม่ได้มีโอกาสที่จะเรียนด้านนี้ตอน ป.ตรี และมีความฝันว่าอยากไปที่อิตาลี มิลานเองก็เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านนี้อยู่แล้ว ตอนนั้นเตรียมตัว มันเร็วมากเลยค่ะ พอพี่ที่ ArtVise แจ้งมาว่า NABA จัดประกวดทุน เมก็มีเวลาแค่เดือนเดียวทำโปรเจคไปประกวด เป็นทุนที่มหาลัยออกให้ส่วนนึง
Review Interior Design NABA
– May Kanyuma –
เราไปอยู่ที่นั่น เราปรับตัวยากมั้ยคะ ?
เมว่าไม่ค่อยยากเท่าไหร่ คนอิตาลีเค้าเป็นฝรั่งที่แบบค่อนข้างชิลอ่ะค่ะ เป็นฝรั่งที่เหมือนเอเชีย
ตอนแรกก็กังวลนิดหน่อยเพราะว่าเราไม่ได้จบป.ตรีด้านนี้ใช่มั้ยคะ แต่ว่าพอ คือเหมือนอาจารย์เค้าจะค่อยๆแบบให้ทำตามขั้นตอนไปเรื่อยๆ เหมือนเราก็ไปเรื่อยๆ เป็นเสต็ปๆไป
เล่าการเรียนที่ NABA ให้ฟังนิดนึงค่ะ ?
อาจารย์เค้าจะชอบให้ทำอะไรแปลกๆ เป็น experiment คือไม่สามารถคาดคิดได้เลยว่าผลลัพธ์มันออกมา มันจะหน้าตาเป็นแบบไหน
อย่างวิชา Project Methodology อาจารย์ชื่อ Professor “Luca Francellini” โปรเจคแรกที่เมได้ทำกับเค้าอ่ะค่ะ เค้าให้ เราไปจับภาพความเคลื่อนไหวของคนตอนที่ทำอาหาร แล้วเสร็จแล้วก็ตัดออกมาเป็นเฟรมๆ แล้วก็เอาแต่ละเฟรมอ่ะมาเรียงกันสร้างเป็น building อันนึงขึ้นมาค่ะ ซึ่งพอมันออกมา แต่ละคนมันก็จะได้ไม่เหมือนกัน
ซึ่งเมก็เลือกท่าทางของคนที่ทำชาชัก เพราะว่าเราสนใจการเคลื่อนไหวของการทำชาชัก มันเยอะดี แล้วก็พอจับภาพเสร็จเค้าก็ให้เราถอดแต่ละเฟรมออกมาเรียงกัน แล้วก็เอาแต่ละเฟรมที่ได้ มาสร้างเป็นโมเดล มันจะได้มาเป็นก้อนประหลาดหนึ่งก้อน ซึ่งแต่ละคนของเพื่อนๆเนี่ย มันก็จะได้ คือมันไม่มีใครได้เหมือนกันอยู่แล้วอ่ะค่ะ แล้วก็ พอเสร็จแล้วอ่ะ อาจารย์ก็จะให้เอาก้อนนี้ไปทำ Building ซึ่งให้เรา Design ว่าจำนวนชั้น ทางเข้า-ออก อยู่ตรงไหนแต่ว่าโจทย์คือ Building นี้ ต้องอยู่ใต้ดินเพราะว่าเค้าอยากจะรู้ว่า ถ้าเราได้ก้อนประหลาดแบบนี้มา เราจะจัดการกับ Interior ข้างในยังไง
NABA
International Academy of Art & Design
ตอนเรียน ได้เจอดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียงบ้างมั้ยคะ ?
มันมีบางคอร์สนึง ได้ทำโปรเจคกับ อาจารย์ ที่มาจากต่างประเทศ มีคอร์สเป็น Exhibition Design ได้ทำโปรเจคกับ Alan Waxler จาก Parsons, New York เป็นงานคู่ เมทำกับเพื่อนจีน เค้าให้เราทำโคมไฟจาก cardboard
ซึ่งวันแรกๆ เค้าก็จะเอา cardboard มาให้เราลองเล่นดูก่อน ว่าเราสามารถเอา cardboard นี้ไปทำอะไรได้บ้าง ไปดัดแปลงเป็นรูปแบบไหนได้บ้างแล้วถึงให้เราเอามาสร้างเป็นโคมไฟ แล้วก็วันสุดท้ายก็มีจัด exhibition เล็กๆ แล้วก็อาจารย์ก็ไม่รู้ไปเกณฑ์คนมาจากไหนมาดูในห้องที่เราแสดงผลงาน
แนวคิดที่เมได้จากการไปเรียนที่อิตาลี
เข้าใจหลักการมากขึ้นว่ามันควรจะไปตามเสต็ปยังไง เพราะว่าก่อนหน้าที่ เมจะมาเรียนที่อิตาลี ตอนที่ทำงานแรกๆ เหมือนเมเห็นอะไรสวยๆ ก็เอามารวมๆ แปะๆๆ แล้วค่อยมาสร้าง concept ทีหลัง แล้วก็แถเอาว่าเออมันต้องเป็นอย่างนี้นะ แต่ว่าถ้าที่อิตาลีอ่ะ เหมือนเค้าจะให้เราแบบเน้นที่สร้าง Story ก่อน มีที่มาที่ไป มี concept ที่ชัดเจน แล้วก็ดู Design ทุกอย่างให้มันแบบเป็นภาพรวมให้มันเป็นเรื่องราวเดียวกันค่ะ เวลาอาจารย์เค้าให้คะแนน เค้าไม่สามารถให้ที่ความสวยงามได้ เพราะว่าความสวยงามมันขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน
ประทับใจอะไรที่มิลานบ้าง
ถ้าเป็น tourist เค้าก็อาจจะมาดูแค่ Duomo, Castello หรือว่าสถาปัตยกรรมรอบๆ แต่สำหรับนักเรียนออกแบบ มันมีให้ดูเยอะๆกว่านั้น มันมีร้านสวยๆเยอะ มีงาน Design Week ของมิลาน ชื่อ “Salone del Mobile” ซึ่งช่วงนั้นมิลานจะคึกคักมากๆ มี Designer ระดับโลกหลายคน มาแสดงงานที่มิลาน
เราได้มีโอกาสเจอคนที่เราชอบตัวเป็นๆ อย่างนาฬิกานี้อ่ะค่ะ คือเมก็เจอคนที่ออกแบบนาฬิกาเรือนนี้ที่มิลาน เป็น Designer ญี่ปุ่นชื่อ “Tokujin Yoshioka” ตอนนั้นเค้ามาแสดงงานที่ Design Week คล้ายๆกับ Art Installation เลยได้มีโอกาสได้คุยกับเค้า เป็นเมืองที่น่าอยู่มากๆเลยค่ะ
กลับมาตอนนี้ เมทำงานออกแบบเต็มตัวเลยมั้ยคะ
ตอนกลับมา เมก็ทำงานบริษัทใหญ่บริษัทนึง แล้วก็ออกมาทำงานเป็น Studio เล็กๆ ชื่อ Ponna Studio พี่ที่เป็นเจ้าของ Studio ก็จบจาก NABA เหมือนกันค่ะ
พอเราทำงานมาระยะนึง เลยลองออกมาเป็น Freelance ค่ะ ทำทั้งงาน Interior แล้วก็ Graphic ค่ะ เพราะว่าเมชอบงาน Concept ตอนอยู่อิตาลี อาจารย์เค้าบอกว่าทุกอย่างมันควรจะเป็นเรื่องราวเดียวกัน
เวลาทำ Interior สมมติว่าไปออกแบบงานออฟฟิศ มันจะพวกป้าย signage หรือว่าอะไรที่มันเกี่ยวกับด้านออกแบบอื่นๆอ่ะค่ะ ซึ่งถ้าเราทำเองได้ทั้งหมด ทุกอย่างมันจะได้เป็นธีมเดียวกัน งานเรามันจะได้สมบูรณ์ขึ้น ก็เลยเริ่มทำกราฟฟิกด้วย
สรุป ประสบการณ์ครั้งนี้ เราได้อะไรกลับมาบ้างคะ ?
Milan เป็น World Capital of Fashion & Design อยู่แล้วค่ะ มันมีชื่อเสียงทางด้านนี้อยู่แล้ว Brera District ที่มิลาน เป็นชุมชน Design แห่งแรกของอิตาลี คือเกิดขึ้นที่มิลาน ในเมืองเต็มไปด้วยสถานที่ ที่เราได้เรียนรู้ ได้ไปมิวเซียม ดูผลงานออกแบบศิลปินระดับโลก ที่เราชื่นชอบ เป็นประสบการณ์ที่เราหาไม่ได้จากที่ไหนเลยค่ะ
ขอบคุณ คุณเม สำหรับ บทสัมภาษณ์
สนใจเรียนต่อ ปริญญาโท สาขา Interior Design
สถาบัน NABA, Milan Italy
ปรึกษาเราได้เลยนะคะ แนะนำโดยศิษย์เก่าจากทางสถาบัน ละเอียดทุกขั้นตอน บริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย