Review ArtVise Education
พี่ๆ ArtVise ให้คำแนะนำดีมากๆค่ะ ดูแลตั้งแต่ก่อนตัดสินใจเลือกสาขาที่จะเรียน ตอนที่จะยื่นใบสมัคร ขอวีซ่า แนะนำหอพัก ไปจนถึงตอนที่ไปถึงมิลานแล้ว พี่ๆ ก็ยังคอยให้คำแนะนำช่วยเหลือเรื่องต่างๆ อยู่ตลอดค่ะ
KORNRARIN VIJITPRAPAI
– June –
สารบัญเนื้อหา
กดข้ามเนื้อหาไปยังหัวข้อที่สนใจได้ตรงนี้นะคะ
Photography and Visual Design
สาขาการถ่ายภาพจากสถาบัน NABA หลักสูตรนี้จะเน้นไปทาง Art Photography มากกว่างานทาง commercial ในหลักสูตรนั้นมีสอน commercial บ้าง เช่น Architectural Photography รวมทั้ง การสอนเทคนิคการถ่ายภาพ เพื่อปรับพื้นฐานให้กับนักเรียนทุกคน และสอน Curator ช่วยให้เราเข้าใจการทำงานมากขึ้น
Main Subjects
- PROJECT AND SET DESIGN (EXHIBITION)
- PHOTOGRAPHY (MAGAZINE)
- PROJECT METHODOLOGY OF VISUAL COMMUNICATION
- HISTORY OF PHOTOGRAPHY
- PHOTO DOCUMENTATION (PHOTOGRAPHY SYSTEM – AGENCIES,
- COLLECTING, MARKETS)
- PHENOMENOLOGY OF IMAGE
- COMPUTER GRAPHICS
- DIGITAL PHOTOGRAPHY
ทำความรู้จักกับศิษย์เก่า ซักนิดนึงค่ะ
จูนเรียนจบ ปริญญาตรี สาขา Industrial Design จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยส่วนตัวเราชอบถ่ายภาพอยู่แล้ว ประกอบกับสนใจงานด้านแฟชั่น แต่เรารู้สึกว่าเราไม่ถนัดไปทางงาน Fashion Design ขนาดนั้น
ระหว่างที่เราเรียน ป.ตรี เรารับงานถ่ายภาพ อย่างงานรับปริญญา แล้วเราก็ enjoy กับการถ่ายภาพมากๆ เราเลยอยากนำสิ่งที่เราชอบทั้งสองอย่างคือ การถ่ายภาพ มาผสมผสานกับงานด้านแฟชั่น
ความตั้งใจแรกคือ เราอยากทำงานเป็นช่างภาพแฟชั่นค่ะ จึงตัดสินใจไปเรียน ปริญญาโท ด้านการถ่ายภาพ ที่สถาบัน NABA เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ถึงแม้ว่าโดยส่วนตัว เราชอบการถ่ายภาพแฟชั่น แต่ก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ที่มาเรียน เพราะเราได้เรียนรู้อะไรมากกว่านั้น ได้เรียนวิธีการคิดงาน ที่ให้อิสระในการคิด ได้เรียนรู้การใช้สื่อผสมผสาน และเทคนิคต่างๆ ในการนำเสนอผลงาน ผลงานก็จะมีความเป็นตัวเรา แตกต่างจากการทำงาน commercial ซึ่งหลักๆ จะต้องเน้นลูกค้า ทำให้ถูกใจลูกค้าเป็นหลักค่ะ
– NABA :: International Academy of Art and Design –
ทำไมถึงตัดสินใจไปเรียนต่อ ป.โท ที่สถาบัน NABA ?
จูนได้ไปเดินงานศึกษาต่อ และได้เจอกับพี่ที่ ArtVise Education ซึ่งแนะนำสถาบัน NABA และเราก็สนใจ เพราะตั้งอยู่ที่เมืองมิลาน ซึ่งเป็นเมืองที่มีจุดเด่นในเรื่องของ Fashion และ Design อยู่แล้ว ประกอบกับ สถาบันเองก็เป็นสถาบันเฉพาะทาง ที่สอนด้านศิลปะโดยเฉพาะ เราเลยตัดสินใจไปเรียนต่อที่นี่ค่ะ
การเรียนการสอนของคอร์ส Photography and Visual Design เป็นยังไงบ้างคะ ?
ทาง NABA จะมีการจัดตารางการเรียนการสอนมาให้เราค่ะ คลาสที่เรียนก็แล้วแต่วิชา ว่าเน้นไปทางไหน อย่างเรามีเรียน History of Photography ก็จะเป็น lecture ค่ะ แต่ในบางวิชาก็มีให้ทำแบบฝึกหัด หรือออกไปถ่ายภาพนอกสถานที่
ในช่วงแรกๆ ทาง NABA จะจัดให้มีคอร์สปรับพื้นฐาน เพราะนักเรียนในห้องก็มาจากหลากหลายเชื้อชาติ วัฒนธรรม และประสบการณ์ก็แตกต่างกัน รวมไปถึงมีวิชาสอนการใช้เครื่องมือในสตูดิโอ ซึ่งอาจารย์ก็จะสั่่ง assignment ให้เราทำเลย
บางวิชาอาจารย์ผู้สอนจะให้ทำแบบฝึกหัดในคลาส หรือออกไปถ่ายรูปนอกสถานที่ เช่น นัดเจอกันที่ museum ตั้งแต่คลาสแรกเลย ถ่ายรูปเสร็จแล้วก็เอามาวิเคราะห์กัน สถานที่ที่เราไปถ่ายก็ไม่ได้เน้นเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว เราต้องไปหลายๆที่ในเมือง เพื่อถ่ายทั้งงานสถาปัตยกรรม หรือให้ไปเก็บภาพจากย่านชุมชนต่างๆ ในมิลาน พอเราได้งานแล้ว อาจารย์ก็วิเคราะห์ให้นักเรียนทีละคน แล้วก็กลับไปถ่ายแก้งานกันใหม่ พัฒนางานไปเรื่อยๆ จนจบคลาสนั้น
Triennale di Milano
Photographer Kornrarin Vijitprapai
แนวการเรียนของคลาสนี้ค่อนข้างเปิดโลกใหม่ให้กับเรามาก เพราะตอนเราจบปริญญาตรี หลักสูตรจะเน้นการออกแบบโดยคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นหลัก เน้นการทำงาน mass และจับตลาดใหญ่ ในขณะที่วิธีคิดที่สาขานี้เน้นงาน Art วิธีคิดของเราก็จะเปลี่ยนไปเลย เป็นการคิดแบบศิลปินที่จะสร้างสรรค์ผลงานขึ้นมา เรียกได้ว่าเป็นการเพิ่มแนวคิด และมุมมองใหม่ๆ ให้กับตัวเอง
อย่างอาจารย์บางท่าน สอนให้เราวิเคราะห์ภาพถ่ายทั้งของตัวเรา และของเพื่อน โดยมีโจทย์ให้แต่ละคน หาภาพที่มีความเป็นตัวเองมาคนละ 10 รูป อาจจะเป็นภาพวาด ภาพถ่าย สิ่งของ หรือเพลงก็ได้ และให้เพื่อนๆ ช่วยกันวิเคราะห์ สิ่งที่เราต้องการจะสื่อออกมา จนสุดท้าย บางคนจะเหลือ core message ที่เราต้องการจะสื่อ อยู่แค่ 2-3 รูป บางคนอาจจะเหลือรูปเดียวเท่านั้น ที่เราต้องการจะสื่อสารออกไป ซึ่ง process นี้ก็จะใช้เวลานานมาก เพราะอาจารย์ตั้งใจจะวิเคราะห์นักเรียนแต่ละคน และในคาบสุดท้าย อาจารย์จะพาเราไป gallery เพื่อดูงานของศิลปิน แล้วอาจารย์ก็จะอธิบายผลงานให้ฟัง
โจทย์ของอาจารย์ส่วนใหญ่ คือจะให้นักศึกษาไปถ่ายงานมาก่อนในคาบแรกๆ แล้วอาจารย์จะคอมเม้นต์มุมมอง และเทคนิค เช่น วิชาการถ่ายภาพ Architecture ซึ่งจูน ไม่เคยถ่ายตึกมาก่อน อาจารย์ก็จะแนะนำเทคนิคการถ่าย เส้นต้องขนานกัน ปรับ Perspective ยังไง การจัดองค์ประกอบของภาพ สิ่งที่เราชอบอีกอย่างคือ อาจารย์จะ open มากๆ เปิดให้เรา snap นำเสนอไอเดียการถ่ายภาพตามโจทย์ของเรา
NABA
International Academy of Art & Design
น้องจูนได้เรียนกับอาจารย์ หรือ ศิลปินคนไหน ที่ชื่นชอบเป็นพิเศษมั้ยคะ ?
ที่นี่จะมีทั้งอาจารย์ประจำ และอาจารย์รับเชิญหลากหลายท่าน จูนได้เรียนกับอาจารย์หลายท่านที่เป็นช่างภาพ ศิลปินที่มีชื่อเสียง ซึ่งก่อนนี้เราไม่รู้จัก แต่เราชอบวิธีการสอน เราเลยไปค้นดูผลงาน ทำให้เราชื่นชอบทั้งตัวอาจารย์ และผลงานของเค้า
สไตล์การสอนคือ นอกจากทางสถาบันจะเชิญศิลปินมาเป็น Guest Lecture แล้วบางครั้งก็จะเชิญมาให้แชร์ประสบการณ์การทำงานเป็นช่างภาพ รวมถึงการทำงาน Curator ให้เราฟัง และให้เราไปถ่ายงานมานำเสนอ เพื่อให้ช่วยวิเคราะห์ ซึ่งเราได้เรียนรู้วิธีคิด เทคนิคใหม่ๆ ที่สนุกสนาน และอาจารย์ก็แอคทีฟ และเป็นกันเองกับนักเรียนมากๆค่ะ
รายชื่ออาจารย์ที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ
Prof. Linda Fregni เป็นช่างภาพ นักสะสม
Link BIO: https://www.artsy.net/artist/linda-fregni-nagler
Prof. Francesco Zanot เป็นช่างภาพ และ Curator
Link BIO: https://madoken.jp/en/culture/fracncesco-zanot/
Prof. Tim Clark (อาจารย์พิเศษ)
Link BIO: https://dergreif-online.de/guest-room/tim-clark/
Prof. Selva Barni
Link BIO: http://www.fantomeditions.com/tag/selva-barni/
คุยกันมานาน เริ่มอยากเห็นผลงานของน้องจูน
Project ที่จูนทำมีหลากหลายมากๆ เพราะเรียนที่นี่ก็มีการบ้าน และงานเรื่อยๆ โดยส่วนตัวจะชอบงานนี้เป็นพิเศษ
I. โปรเจคในคลาสของอาจารย์ Giorgio Majno
วิชาที่เรียนคือ Reportage หรือการที่เราหาภาพที่เราชื่นชอบ แล้วมาทำภาพถ่ายที่สื่อถึงภาพนั้น ซึ่งจริงๆ เป็นงานกลุ่ม แล้วด้วยความที่เราอยากทำเพิ่ม เราก็เลยหานางแบบ และนายแบบ โดยการแปะโปสเตอร์ให้มหาลัย แล้วก็มีคนติดต่ออยากร่วมงานกับเรา เราก็ใช้สตูดิโอที่มหาลัยถ่ายเพิ่มเติม ตามที่เราคิด
ซึ่งภาพนี้เราได้ Inspiration มาจากภาพ ของ William Blake : ภาพ The Great Red Dragon and The Woman
Reportage : Photographer Kornrarin Vijitprapai
II. โปรเจคที่สองนี้เป็นงาน ในคลาสของอาจารย์ Antonio Ottomanelli
ซึ่งในคาบแรกที่เรียน อาจารย์จะให้เราไปที่ Triennale di Milano เลย (พิพิธภัณฑ์ที่จัดงานแสดงศิลปะร่วมสมัย ตั้งอยู่ใจกลางเมือง Milan Italy) และให้เราถ่ายภาพมาหนึ่งภาพ ตามไอเดียของเรา ซึ่งสิ่งที่จูนอยากหยิบมาเสนอ คืออยากให้ดู minimal ที่สุด ซึ่งจริงๆ มิวเซียมนี้คนเยอะมากๆ พอเราถ่ายไปให้อาจารย์ ก็จะได้รับคอมเม้นต์กลับมาแล้วเราก็ไปกลับถ่ายใหม่ เรา และเพื่อนในคลาส จึงกลับไปที่นี่บ่อยมากๆ แต่เราก็เห็นการพัฒนาของงานเราว่ามันดีขึ้นจริงๆ จนสุดท้ายก็เก็บภาพมาเป็น collection
Triennale di Milano
Photographer : Kornrarin Vijitprapai
ทาง NABA เองมีอุปกรณ์พร้อมสำหรับนักเรียน มีสตูดิโอถ่ายภาพให้ใช้ ซึ่งก่อนใช้งานเราก็ต้องจองล่วงหน้า มีกล้องให้ยืม แต่ส่วนมากทุกคนจะมีกล้องของตัวเอง และมีฉากให้ใช้งาน ก่อนใช้งานนักเรียนจากภาควิชา Media ก็จะมาติดตั้งอุปกรณ์ให้เรา เราก็แจ้งเค้าไปว่าเราอยากใช้อะไรบ้าง ใช้ไฟกี่ตัว เค้าก็จะเตรียมให้เรา
ความสนุกอีกอย่างคือ ด้วยความที่สถาบันนี้ เป็นสถาบันด้านการออกแบบโดยเฉพาะ เราก็เลยได้ไปร่วมงานกับนักเรียนจากคลาสอื่นๆ ซึ่งเราสามารถไปแปะ poster ได้เลย ว่าเราอยากทำอะไร เช่น เราไปแปะว่าเราอยากถ่ายภาพ Fashion ก็มีคนติดต่อมา เราก็ได้ไปถ่ายรูปให้กับเค้า แล้วยังได้เพื่อนใหม่ด้วย ได้ทำงานร่วมกับคนที่เป็นดีไซเนอร์ นายแบบ นางแบบ โดยเราก็ไปถ่ายแบบ collection ให้กับเค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสนใจอยู่แล้ว
Fashion Designer : Anastasia Kozlova
Photographer : Kornrarin Vijitprapai
ประสบการณ์ การฝึกงาน
ทางสถาบัน NABA จะมีขั้นตอนการหาที่ฝึกงานให้เรา ตั้งแต่ทาง Career services แนะนำการเขียน CV ให้ตรงกับความสนใจของบริษัทอิตาเลียน และทาง Career Services จะสัมภาษณ์นักเรียนก่อน ว่าอยากทำอะไร มี list บริษัทต่างๆ ที่ทาง NABA เป็นพันธมิตรอยู่แล้วให้กับนักเรียนเลือก โดยทางมหาลัยจะส่ง Portfolio ของเราไปให้
หรือบางคนอาจจะมีบริษัทที่อยากทำอยู่แล้ว ก็สามารถติดต่อไปเองได้ แล้วขอจดหมายจากทาง NABA เพื่อออกใบรับรองการฝึกงานให้ ของจูนด้วยความที่ตอนนั้นต้องกลับมาที่ไทย เลยติดต่อขอฝึกงานที่ The Cloud ก็ได้ทำ Scoop สัมภาษณ์ ถ่ายงาน รวมถึงไปถ่ายสถานที่ต่างๆ
ส่วนเพื่อนๆ คนอื่นก็จะฝึกงานในมิลานกัน ซึ่งช่วงนั้นที่มิลาน ก็จะมี Milan Fashion Week พอดี ใครที่ยังอยู่มิลาน ก็จะได้ไปดูเบื้องหลังเวที ได้ไปเก็บภาพบรรยากาศของงาน
ฝากแชร์ประสบการณ์การใช้ชีวิตที่มิลาน และการเรียนกับเพื่อนต่างชาติ
Milan เป็นเมืองที่โดดเด่นด้านงานศิลปะ ออกแบบ และแฟชั่นอย่างมาก เราได้ไปเก็บบรรยากาศของงาน Fashion Week ครั้งนึง ได้เห็นการแต่งตัว ได้เข้าไป Backstage และบรรยากาศเมืองก็ challenge ให้เราเก็บภาพงานอื่นๆ อย่างมีอาจารย์ให้เราไปเก็บภาพในสุสาน หรือไปตามย่านแล้วถ่ายรูปกลับมา
การใช้ชีวิตที่นี่ก็สะดวก ระบบการเดินทางขนส่งมวลชนของที่มิลานก็ดีมากค่ะ ครอบคลุมพื้นที่ เดินทางสะดวกสบาย มีบัตรรายเดือนที่สามารถเติมเงินได้ทุกเดือน
Milan ไม่น่ากลัวอย่างที่ใครหลายคนกังวล เราไม่เคยของหายเลย โดยมีทริค คือ อย่าแต่งตัวล่อโจร หลีกเลี่ยงการใช้ของแบรนด์เนม ส่วนคนอิตาเลียนก็จะมีลักษณะนิสัยคล้ายๆคนไทย เราเลยไม่รู้สึก Culture shock เท่าไหร่ และด้วยความที่จูนชอบอาหารอิตาเลียนอยู่แล้ว หรือบางครั้งเราก็ไป Chinatown ทานอาหารจีนกับเพื่อนๆ การเดินทางก็ง่ายค่ะ อยู่ใจกลางเมืองเลย
ข้อดีอีกอย่างคือ ประเทศอิตาลี อยู่ในกลุ่มประเทศเชงเก้น ทำให้เดินทางไปที่อื่นง่ายมากๆ อย่างเราได้ไปดูงาน Paris Photo ที่กรุง Paris ประเทศฝรั่งเศส ก็ใช้เวลาเดินทางแค่ 2-3 ชั่วโมง และได้ถือโอกาสเที่ยวใน Paris อีกด้วย
การมาที่นี่ ทำให้เราได้ใช้ชีวิตเอง ทำเองทุกอย่าง ทั้งเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ เอกสารต่างๆ ทำให้เราได้โตขึ้น เพื่อนในคลาสก็น่ารักมาก ดีมาก คละอายุกันค่ะ มีตั้งแต่คนที่จบใหม่ จนถึงอายุ 30 กว่า ทุกคนก็มาจากคนละที่ ทำให้เราเรียนรู้กันและกัน ทั้งนิสัยใจคอ และวัฒนธรรม จนวันนี้ทุกคนยังติดต่อกัน ติดตามกันทาง social media รวมถึงก็คุยกันอยู่ตลอด
ขอบคุณ คุณจูน สำหรับ บทสัมภาษณ์
ติดตามผลงานอื่นๆ ได้ที่ https://www.kornrarinvijitprapai-photographyportfolio.com/home
สนใจเรียนต่อ ปริญญาโท สาขา Photography & Visual Design
สถาบัน NABA, Milan Italy
ปรึกษาเราได้เลยนะคะ แนะนำโดยศิษย์เก่าจากทางสถาบัน ละเอียดทุกขั้นตอน บริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย