UX Designer นักออกแบบประสบการณ์ ที่ทำให้สินค้า และบริการใช้งานได้ง่าย คุยกับศิษย์เก่า ป.โท SERVICE DESIGN

สารบัญเนื้อหา

• Service Design คืออะไร
• แนะนำตัวศิษย์เก่า
• ทำไมถึงสนใจเรียน สาขา Service Design
• ภาพรวมหลักสูตร Service Design
• ทำโปรเจคกับบริษัทไหน ประทับใจที่สุด
• ทำไมถึงเลือกไปเรียนที่ เมืองมิลาน
• สิ่งที่เรียนมา นำมาใช้ประโยชน์อะไรบ้าง
• โอกาสการเติบโตของ Service Design ในประเทศไทย
• สรุป

ทำความรู้จักกับศิษย์เก่า ซักนิดนึงค่ะ

“จุ๊ย วิลาวัณย์ ลยานันท์” จบการศึกษา ป.ตรี Industrial Design มาจากที่ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ค่ะ และทำงานเป็น Industrial Designer อยู่ประมาณ 2 ปี ก่อนไปเรียนต่อ ป.โท สาขา Service Design ที่ สถาบัน Domus Academy

ปัจจุบัน เป็น Maketing Manager อยู่ที่ บริษัท ยูเนียน อินต้า เป็นบริษัทที่ทำบรรจุภัณฑ์อลูมิเนียมฟอยล์ แบรนด์ Star Products อีกอาชีพหนึ่งที่ทำควบคู่ไปด้วยกัน คือเป็น UX Designer หรือ Sevice Designer ให้กับบริษัทเอกชนในหลายๆที่ค่ะ และเป็นอาจารย์พิเศษด้วยค่ะ

ทำไมพี่จุ๊ยถึงมีความสนใจสาขา Service Design คะ ?

ตอนที่จุ๊ยทำงานเป็น Industrial Designer เรารู้สึกว่างานออกแบบที่ทำไป โดนก๊อปตลอดเลย เราเลยอยากไปเสริมสร้างฝีมือเรา ให้แข็งแรงขึ้น ทำอย่างไรให้งานของเรานั้นยั่งยืน ไม่โดนก๊อป มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน เราเริ่มมองหาคอร์สเพื่อเรียนต่อโท เราศึกษาหลายคอร์สค่ะ จนมาเจอสาขา วิชา Service Design ที่น่าจะตอบโจทย์มากที่สุดค่ะ

ตอนเรียนโท เราเองก็อยากไปเรียนต่างประเทศ เพื่อหาประสบการณ์ ประกอบกับสถาบัน Domus Academy สำหรับสายออกแบบ ก็จะได้ยินชื่อมาตลอด คอร์สเรียนที่ Domus Academy ก็ค่อนข้างถูกจริต เพราะเขาเน้นการลงมือทำ พอไปเรียน ป.โท เราไม่อยากเรียนเรื่องทฤษฎีมากเท่าไหร่เราอยากเรียนกับบริษัท ได้ลงมือทำจริงๆ

ภาพรวมของคอร์ส Service Design เป็นอย่างไรบ้างคะ ?

ตอนเรียนจะเน้นการปฏิบัติ จะได้ร่วมงานกับบริษัทอยู่ประมาณ 4-5 บริษัทนะคะ และนอกจากที่เราจะได้เรียนกับเพื่อนในคลาสของเหล่า Service Designer ด้วยกันเองแล้ว ทาง Domus Academy ก็จะมี Joint Project กับสาขาอื่นๆ เพราะชีวิตการทำงานจริงๆ Service Designer หรือ UX Designer ไม่สามารถทำงานเพียงคนเดียวได้

ตอนเรียนพี่จุ๊ย ทำโปรเจคกับบริษัทไหนที่ประทับใจที่สุด ?

จุ๊ยได้ร่วมงานกับ บริษัท ITALO ซึ่งเป็น High Speed Train ที่ Italy แล้วก็จะมี โรงแรม PARK HYATT แล้วก็อีกสามบริษัท เป็นบริษัท Local ที่ Italy ค่ะ

โปรเจคที่ประทับใจที่สุด จะเป็น งานที่ได้ทำกับ ITALO ค่ะ ซึ่งตอนนั้นเราเพิ่งเปิดเรียนไม่กี่วันเอง แล้วทางอาจารย์ ก็บอกว่า จะให้เริ่มทำงาน Project แรก เป็น รถไฟความเร็วสูง

 credit photo: https://www.italotreno.it/en/the-train

ในตอนนั้นที่ทางบริษัทให้ตั๋ว ขึ้นรถไฟฟรี เราก็หาเส้นทางของรถไฟ เราเลือกไป Napoli ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของอิตาลีเลยค่ะ เราจำลองตัวเองเป็นลูกค้า แล้วก็ไปสังเกตว่าคนที่เดินทางด้วยรถไฟเร็วเค้าไปด้วยจุดประสงค์อะไร มีสัมผัส Touch Point อะไรบ้างบนรถ ที่มันจะสามารถทำให้สุดท้ายเรามาดูว่าอะไรคือปัญหาของนักเดินทาง มี Touch Point อะไรที่เราจะสามารถจะปรับได้ พัฒนาบริการ และประสบการณ์ผู้ใช้ที่เดินทางด้วยรถไฟอยู่แล้ว ซึ่งตอนที่เรา present งาน ก็จะมีคนของทางบริษัทมาฟัง และให้คอมเม้นต์เราด้วย

เครื่องมือแรกที่ Service Designer ต้องใช้ก็คือ Customer Journey Map แล้วอาจารย์ก็ให้ Template มาหนึ่งอัน ถือว่างานนี้เหมือนเป็นครั้งแรกที่เราได้รู้จักการทำ Customer Journey Map ซึ่งทุกวันนี้เวลาเราจะไปสอน Service Design เรื่อง UX ก็จะใช้ Mindmaps ของ Customer Journey Map ไปให้ใช้ตลอด

*หมายเหตุ โจทย์ และบริษัทที่มาร่วม ทำ workshop จะเปลี่ยนแปลงตลอด ทุกปี ตัวอย่างบริษัทที่ยกมานั้น เป็นเพียงบริษัทบางส่วนที่ร่วมกับทาง Domus Academy*

ทำไมถึงเลือกเรียนต่อ ปริญญาโท ที่เมืองมิลาน ?

คือต้องบอกว่าประเทศอิตาลี มีวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมมายาวนานมาก ตั้งแต่สมัยกรีก โรมัน ซึ่งสำหรับเรา ถ้าเสริมทางด้าน Design มาที่นี่ คือมองไปทางไหนก็เจอแต่ของสวยงาม อย่างเรื่องในชีวิตประจำวัน คนเขาตื่นมา เขาสามารถ Combination การ Match เสื้อผ้าได้อย่างดี คือจุ๊ยว่ามันเหมือน DNA ซึ่งการที่เราไปอยู่ตรงนั้น เราน่าจะได้รับแรงบันดาลใจ ค่อยค่อยซึมเข้ามาเอง คิดถูกที่ไปเรียนฝั่งยุโรป คิดถูกที่ไปเรียนอิตาลี เยี่ยมมาก เพอร์เฟคมากเลยค่ะ

สิ่งที่เรียนมา เรานำมาใช้ประโยชน์ ในตอนนี้ยังไงบ้างคะ?

ตอนที่จุ๊ยเรียนจบกลับมาใหม่ๆ ปี 2013 สาขานี้ยังไม่ค่อยแพร่หลายเลยค่ะ จุ๊ยโชคดี ตอนนั้นมีรุ่นพี่แนะนำว่า บริษัท TRUE หาคนที่เรียนทางด้านนี้มาอยู่ เลยได้ไปสัมภาษณ์กับ CEO บริษัท TRUE Money Wallet ก็ได้มีโอกาสได้ทำงานอยู่ที่นั่น เป็นส่วนหนึ่งในทีมงานทำ Application TRUE Money Wallet

หลังจากนั้นก็กลับมาทำงานที่บ้าน แต่ด้วยความที่เราก็ยัง passion ในงานด้าน UX เราก็เลยไปเป็น อาจารย์พิเศษที่ศิลปากร และได้โอกาสไปทำงานให้กับ SCB ดูแล End-to-End ของทางแบงค์

ส่วนงานของที่บ้าน มันต้องอยู่ที่ประยุกต์จริงๆ สาขานี้สามารถทำงานได้ในทุกๆ industries อย่างของเราเป็นโรงงานที่ผลิตบรรจุภัณฑ์ ถ้าเราเปลี่ยนมุมมองใหม่ทุกคนที่ไปคุยด้วยเป็นลูกค้า บางทีบางครั้งจุ๊ยต้องเป็น Sales เราดูว่าเราคุยกับใคร ใครเป็น user ของเรา เขามี  Pain Point อะไร ช่วยแก้ปัญหาอะไรให้ได้บ้างจากสินค้าของเรา

แล้วเรายังเอามาพัฒนา product ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์กับผู้บริโภค ส่วนมากลูกค้าเราจะเป็นร้านค้า ที่ซื้อ packaging ไปใส่สินค้าประเภท อาหารและเบเกอรี่ เราจึงต้องทำสินค้าให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน รวมไปถึง end user ที่เป็นผู้บริโภคสินค้าปลายทาง ทำให้เรามีการศึกษาการใช้งานจริง เพื่อออกแบบบรรจุภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ อยู่ตลอด โดยคำนึงถึง user เป็นหลัก

อีกอันหนึ่งของทางด้านก็ Service Design เราไม่ใช่แค่ทำงานให้ลูกค้าแฮปปี้ ในกระบวนการการทำงาน มันจะมีอีก map ชื่อว่า Service Blueprint ที่จะมองมาถึงด้านหลังผู้ให้บริการ เราต้องทำให้หลังบ้านแฮปปี้ แล้วเค้าถึงจะ Deliver สิ่งที่ดีให้กับลูกค้าเช่นกัน

โอกาสการเติบโตในสายงานด้าน UX ในประเทศไทย ?

สายงานนี้ เราทำงานกับลูกค้า หรือผู้บริโภค ซึ่งจริงๆ แล้วมนุษย์เราเปลี่ยนแปลงทุกวัน ยิ่งเทคโนโลยีเข้ามาคนเราเปลี่ยนไวมากๆ ดังนั้นคนที่มีทักษะด้านนี้เป็นพื้นฐานเชื่อว่าเรียนจบมาเป็นที่ต้องการของตลาดแน่นอน

ทุกวันนี้ก็จะมี INBOX เข้ามาส่วนตัวจากเพื่อนๆ พี่ๆในสายงาน สอบถามว่ามีรุ่นน้องแนะนำไหมอยู่ตลอดเวลา แล้วก็อย่างที่แจ้งค่ะ คือสาขาวิชานี้มันไม่ได้จำเป็นต้องอยู่กับสายเทคโนยี หรือ Application หรือ Start Up อย่างเดียว มันสามารถไปอยู่ในทุกองค์กรได้ โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีธุรกิจภาคบริการ เป็นธุรกิจหลักของประเทศ ทำให้มั่นใจได้เลยนะคะ ว่าเรียนจบกลับมา เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างแน่นอน

สรุป การไปเรียน ป.โท เราได้อะไรกลับมาบ้างคะ ?

คุ้มค่ามากค่ะ เราได้รับหลายอย่างทั้งจากการไปเรียน และจากประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ Milan โดยส่วนตัวคิดไม่ผิดจริงๆ เพอร์เฟกต์มากเลยค่ะ และงานในปัจจุบันที่ทำก็เป็นอย่างที่เราคาดหวังไว้ สามารถพัฒนางานได้อย่างยั่งยืน มีเอกลักษณ์ และต่อยอดได้หลากหลาย สำหรับดีไซเนอร์ หรือคนที่เรียนจบจากด้านอื่นมา และมีความสนใจด้าน UX จุ๊ยแนะนำจริงๆค่ะ