Review ArtVise Education
ผมไม่ค่อยชอบเรื่องเอกสาร ก็จะได้พี่ ๆ ช่วยขั้นตอนที่ต้องการความแนบเนียน บอกว่าเราต้องไปที่ไหน ทำอะไรบ้าง มีทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำให้ขั้นตอนต่าง ๆ ราบรื่น แล้วผมไปเรียนต่อหลังจบ ป.ตรี ผมต้องเตรียมทุกอย่างในช่วงที่กำลังทำธีสิสจบ มันเลยติด ๆ ขัด ๆ ก็ได้ทางพี่เม ซะส่วนใหญ่เลย ตอนนี้เราก็ยังเป็นพี่น้องกัน ยังคุยยังแนะนำอะไรกันอยู่ครับ
NOPPAWUT JUNLASAI
– เงิน –
Product Design
Domus Academy เราจะเรียนแบบ workshop-based คือเน้นการปฏิบัติเป็นหลัก ยิ่งเราเรียนเกี่ยวกับ Product Design ด้วยแล้ว การฝึกภาคปฏิบัติยิ่งสำคัญ และจำเป็นมาก เราจะได้รับโจทย์ แล้วจับกลุ่มวางแผนการทำงาน ช่วยกันออกแบบให้ตรงตามโจทย์ วัตถุประสงค์ และความต้องการของลูกค้า ซึ่งในที่นี้ก็คือบริษัทที่เข้ามายื่นโจทย์ให้เรา
ในแต่ละ workshop จะมีอาจารย์ช่วยดูแล ให้คำปรึกษาอยู่ตลอด ระหว่างการทำงานก็เป็นการฝึกการทำงานร่วมกับผู้อื่น ฝึกวิธีดีลกับคน โดยที่เราสามารถแสดงความคิดเห็นและตัวตนของเราออกมาได้ ส่วนบรรยากาศการเรียน ผู้เรียนส่วนใหญ่ในคอร์ส มีหลากหลายอายุ ก็ได้ฝึกวิธีการแสดงความคิดเห็น ให้คนอื่น ๆ ยอมรับ นอกจากนั้นในกลุ่มยังมาจากคนละประเทศ ในบริบทของความเป็น International เราเลยสามารถเช็คความสามารถตัวเองได้ว่า ณ ตอนนั้น เราอยู่จุดไหนของสากล ความสามารถของเรามีแค่ไหน แล้วเราควรจะทำอะไรเพื่อที่จะเป็นการขยับตัวเองขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงกว่าเดิม
นอกจากนี้ในบาง workshop จะมีการ cross-functioned ระหว่างต่างสาขาวิชาด้วย หมายถึงในหนึ่ง workshop ก็จะมีผู้เรียนจากสองสาขาวิชามาเข้าร่วม ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่เปิดโลกเปิดมุมมองเรา ทำให้เราได้เห็นมุมมองที่แตกต่างออกไป
แนะนำตัวสั้นๆ กันนิดนึงค่ะ
“เงิน” จบการศึกษาระดับ ป.ตรี จากคณะสถาปัตยกรรม และการออกแบบ สาขาวิชาศิลปประยุกต์ และการออกแบบผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และได้เดินทางไปศึกษาต่อ ป.โท ที่สถาบัน Domus Academy เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ในช่วงปี ค.ศ. 2017 ปัจจุบัน ทำงานเป็นดีไซเนอร์ที่บริษัท 56thStudio บริษัทออกแบบที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย
บทความนี้ เขียนจากการสัมภาษณ์คุณเงิน ในงาน “สัมมนาศึกษาต่อ DA Alumni Talks”
จัดโดย ArtVise Education (7 Sep 2019)
ทำไมถึงตัดสินใจไปเรียนต่อ ที่ มิลาน อิตาลี ?
อิตาลีเป็นที่ที่เต็มไปด้วยศิลปะ โดดเด่นด้านการออกแบบมาตลอด ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน แล้วด้วยความที่เป็นแหล่งงานออกแบบ ทำให้ผู้คนที่มีความสนใจในด้านศิลปะจากทั่วโลกมารวมตัวกันที่นี่
ถ้าเราไปเรียนที่นี่ เราจะไม่ได้เรียนรู้แค่สิ่งที่คนอิตาเลียนเขาทำกัน แต่เราสามารถเรียนรู้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องศิลปะ และการออกแบบกับผู้คนที่ชอบ และหลงใหลในสิ่งเดียวกันจากทั่วโลก เช่น เราได้คุยกับคนอินเดียแล้วได้เรียนรู้ว่า วงการดีไซน์ของอินเดียตอนนี้กำลังทำอะไรกันอยู่นะ เพราะงั้นการไปอยู่ที่อิตาลีมันเหมือนเป็นการสร้างโอกาส และเปิดโลกให้เราเรียนรู้ และพัฒนาตัวเองในแบบของตัวเอง ซึ่งมันตอบโจทย์ในชีวิตผม
ทำไมถึงเลือกเรียน ป.โท ที่สถาบัน Domus Academy ?
เราคิดไว้แล้วว่าในอนาคตเราจะทำอาชีพดีไซเนอร์แน่ ๆ ฉะนั้นการเตรียมตัวก่อนที่จะเข้าสู่องค์กรใด ๆ จะต้องตอบอะไรบางอย่างในชีวิตเราได้ แล้วมันจะต้องก้าวสอง หรือก้าวต่อไปอีกได้ ก็เลยมาลองดูสักตั้งที่ Domus Academy นอกจากเรียนเกี่ยวกับการออกแบบแล้ว ก็มีสอนการทำ Portfolio จะต้องทำยังไงให้ งานเรามันอินเตอร์ขึ้น ผมมาเรียนออกแบบ แต่มีเรียนการตลาดด้วย พอเรียนจบไปสมัครงาน เหมือนแบบ คนแค่มอง Portfolio เราอ่ะ ไม่ต้องเจอหน้ากันก็ได้ ก็รู้แล้วว่าเราเป็นยังไง
บริบททางสังคมของทุกประเทศ ถูกถ่ายทอดมาเป็นสิ่งของ (object) ซึ่งอิตาลีเป็นประเทศเข้าใจการแปลภาษาทางด้านการออกแบบได้ดีที่สุด
คนทั่วโลกจึงมาเลือกที่จะศึกษาด้านการออกแบบที่อิตาลี
การเรียนที่ Domus Academy มีความหลากหลายด้านเชื้อชาติ และความคิดของเพื่อนร่วมคลาส ทำให้ผมได้รับรู้ และเห็นวัฒนธรรมการออกแบบจากทั่วโลก
พอจะเล่าตัวอย่าง workshop ใน คอร์ส Product Design ที่ได้ทำ ได้มั้ยคะ ?
อย่างที่บอกว่าหลักสูตรของ Domus Academy จะเป็นหลักสูตรแบบ workshop-based มีทั้งหมด 4 workshop
I. โปรเจกต์แรกที่ผมทำ คืองาน Advanced Design & Processes ได้ร่วมมือกับ ร้าน ‘Grom’ เป็นร้านเจลาโต (ไอศกรีมอิตาเลียน) ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก เค้าก็ให้บรีฟมาว่า ผลิตภัณฑ์ของเขาทำมาจากวัตถุดิบที่สดใหม่จากฟาร์ม ต้องการให้นำเสนอว่าการส่งต่อวัตถุดิบคุณภาพสูงจากฟาร์ม Mura Mura ซึ่งเป็นฟาร์มที่ส่งวัตถุดิบให้ร้าน Grom นั้นเป็นยังไง โดยไม่จำกัดวิธีการนำเสนอ
เราเลยได้คิดวิเคราะห์ และเห็นความครีเอทีฟ อย่างไม่จำกัดรูปแบบ บางกลุ่มนำเสนอผ่านการออกแบบ Packaging บางกลุ่มก็ทำเป็นเฟอร์นิเจอร์
ส่วนผม ตอนนั้นมีไอเดียเยอะมาก ผมตัดสินใจ นำเสนอผ่านการออกแบบ Application และมีการเน้นไปทางด้าน Service Design เพราะคิดว่าน่าจะเป็นอะไรที่ตอบโจทย์ระหว่างผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ดีด้วย สำหรับงานนี้ นอกจากด้านดีไซน์แล้ว ผมยังได้เรียนรู้มุมมองทางด้านธุรกิจควบคู่ไปด้วย ทั้งการทำกลยุทธ์การตลาด และการวิเคราะห์คู่แข่ง
II. ตัวอย่างอีก workshop ที่สนุกมาก ผมได้ทำงานร่วมกับบริษัท ‘Ideal Standard’ ซึ่งเป็นบริษัทเกี่ยวกับเครื่องสุขภัณฑ์ ครั้งนี้เราได้รับโจทย์จาก Head Designer ของแบรนด์ ชื่อ Roberto Palomba โดยโจทย์คือการออกแบบสุขภัณฑ์อะไรก็ได้ในห้องน้ำ จะทั้งคอลเลกชัน หรือแค่หนึ่งชิ้นก็ได้ ทีนี้ กลุ่มผมเป็นกลุ่มที่เกือบจะไม่มีงานส่ง!
เริ่มแรกเลย กลุ่มเราที่มีสี่คนก็ทำ Moodboard มาคนละอัน ซึ่งมันเป็น Moodboard จากคนสี่คนที่นิสัยไม่เหมือนกันเลย ส่วนตัวผมเป็นแนวมินิมอล ทำไปเรื่อย ๆ ด้วยความคิดที่ต่างกันก็ทำให้มาถึงจุดที่ความเห็นไม่ลงรอยกัน จนถึงสองสามวันก่อนส่งงานก็ยังไม่มีอะไรเป็นรูปเป็นร่าง สุดท้ายก็ต้องมา Brainstorm กันใหม่จนได้คีย์เวิร์ดเป็นคำว่า ‘Escape’ บวกกับความรู้ด้านสถาปัตยกรรม และที่มาของคำว่ามินิมอล
จึงได้ออกมาเป็นโจทย์การ Escape ออกจากชีวิตประจำ และชีวิตในเมืองของผู้คน ผสมผสานกับเรื่องของ Space and Between งานไฟนอลที่ออกมา คือ เมื่อเข้าไปในห้องน้ำจะไม่เจออะไรเลย นอกจาก ‘น้ำ’ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นจริง ๆ หนึ่งเดียวในห้องน้ำ เราก็เลยออกแบบให้เป็นคล้าย ๆ แบบ Space and Between โดยเวลาที่เข้าไปในห้องน้ำ น้ำจะลงมาตรง Shower Tray พอดี
ทุกอย่างคือการ Redesign ใช้ Material ที่ทางบริษัทมีอยู่แล้ว ไม่ต้องสร้างอะไรขึ้นมาใหม่นอกจากออกแบบมันขึ้นมาใหม่แค่นั้น แล้วโปรเจกต์ผมเนี่ยเป็นโปรเจกต์ที่ทุกคนลุ้นมาก เพราะมีปัญหามากที่สุด แต่สุดท้ายกลุ่มผมเนี่ยแหละได้รางวัลที่หนึ่ง แล้วได้รับเงินรางวัลมา 1,000 Euro ด้วย 😁
การได้ไปเรียนต่อที่นี่ ส่งผลต่อ Lifestyle ของผมอย่างมาก งานที่ผมทำออกมา ไม่ว่าจะเป็นงาน Fine Art หรือการออกแบบ รวมถึงการแต่งตัว ทุกอย่างมันคือการดีไซน์
“มิลาน” สร้างแรงบันดาลใจเหล่านี้ได้อย่างแท้จริง แบบ ถ้าเดินไปตามท้องถนน ถึงจะไม่ดูงานศิลปะ แต่เมืองมันก็จะบังคับให้คุณดูอะครับ
การที่ได้ไปเรียนที่ Domus Academy นอกจากจะได้ทำงานร่วมกับแบรนด์ดัง ๆ หลากหลายแบรนด์แล้ว ในหลาย ๆ ครั้ง เราก็จะอาจจะได้เจอหรือได้เรียนกับดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียงรวมถึงไอดอลที่สร้างแรงบันดาลใจให้เราตัวจริงเสียงจริงด้วย เช่น ผมได้เจอ Mr. Axel Iberti ที่เป็น Head of Design ที่ Gufram
ผลงานบางส่วนของ Gufram ที่รับรองว่า ทุกคนเห็นแล้วต้องคุ้นตาอย่างแน่นอน
อีกท่านที่ประทับใจมาก คือ Mr. Peter Shire แห่ง Memphis Group (Italian design and architecture group founded by Ettore Sottsass in 1980) บอกตรง ๆ ว่าผมตกใจ และดีใจมาก ที่เค้ายังมีชีวิตอยู่ เค้าเป็นบุคคลที่หาตัวจับยากมาก ทั้งเรื่องฝีมือ และการที่จะได้เจอตัวเขาเป็น ๆ
ทั้งหมดทั้งมวลที่ได้ประสบพบเจอจากการมาเรียนที่ Domus Academy ที่มิลาน สร้างแรงบันดาลใจให้ผมทำสิ่งต่าง ๆ ที่อยากทำต่อไป มันหล่อหลอมตัวตนของผม ซึ่งเป็นอะไรที่ค่อนข้างลึกซึ้งที่พอจะเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตบางอย่างของผมไปด้วย
มาพูดถึงเรื่องฝึกงานกันบ้างดีกว่า ได้ไปฝึกงานที่ไหน
ทาง Domus Academy ซัพพอร์ตเรื่องนี้ยังไงบ้าง ?
ก่อนฝึกงาน ที่สถาบัน จะแนะนำให้เราลองหาทางฝึกงานกับบริษัทที่ชอบด้วยตัวเองก่อน ผมเกือบได้ไปฝึกที่ Amsterdam แต่มีปัญหาเรื่อง Work Permit เลยได้ไปใช้บริการ Career Service ของทาง Domus Academy เค้าก็นำเสนอบริษัทที่มีความใกล้เคียงกับความถนัดและความชอบของผมมาหลากหลายบริษัท
ผมก็ไปสัมภาษณ์มาหลายที่เหมือนกัน แต่ด้วยความชอบส่วนตัว ผมชอบการแต่งตัว ชอบเสื้อผ้า ทั้ง ๆ ที่เรียน Product สุดท้ายผมเลยขอไปฝึกงานที่บริษัท Fashioin แทน ซึ่งเป็นแบรนด์ที่วางขายในห้างสรรพสินค้า La Rinascente ด้วย (ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ในเมืองมิลาน)
ผมได้พบเจอกับสิ่งใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อน ก็คือการทำเสื้อผ้าแบบจริง ๆ จัง ๆ ด้วยตัวเอง อันแรกที่ผมทำเอง คือ ถุงเท้า ทำทุกอย่างรวมถึงออกแบบลวดลายบนถุงเท้าด้วย พอมันออกมาเป็นของจริงแล้วเราก็รู้สึกภูมิใจอย่างบอกไม่ถูกว่าแบบ เฮ้ย นี่มันถุงเท้าของเราอะ แล้วก็ต้องมีถ่ายแบบด้วยนะ เราก็ไปหา Influencer ที่เป็นแนวฮิปฮอปอิตาเลียนให้มาใส่ถุงเท้าเรา แล้วถ่ายแบบจริง ๆ สรุปก็คือถึงจะเป็นบริษัทเล็ก ๆ แต่เราก็ได้ลงมือทำจริง ได้ลองอะไรหลายอย่าง
แล้วการใช้ชีวิตในมิลานเป็นยังไงบ้าง เตรียมตัวอะไรก่อนไปไหม ?
ปกติผมเป็นคนแต่งตัวจัดมากนะ แต่ตอนก่อนจะไปเรียนผมก็บอกกับพ่อกับแม่ว่าผมจะไปเรียน ผมจะไม่แต่งตัว สุดท้ายพอถึงมิลานก็เห็นคนแต่งตัวเท่เต็มไปหมด เลยเปลี่ยนใจกลับมาเสพแฟชั่น ทำตัวให้เป็นจุดเด่นไปเลย อย่างช่วง Milan Fashion Week คือผมมีเพื่อนเป็นตากล้องที่ได้เข้าไปถ่ายในงาน ส่วนผมไม่เกี่ยว แต่ก็ตามไปด้วยนะ วันนั้นผมใส่กางเกงสีจัดจ้านไป กับเสื้อห่านคู่เรียบ ๆ ยืนแถวนั้นเพื่อให้เป็นจุดสนใจ ก็มีคนมาถ่ายรูปผม เพราะนึกว่าผมเป็นคนดัง 😁
สิ่งที่อยากบอก คือ เราได้ซึมซับบางแง่มุมของการมาใช้ชีวิตที่นี่ ในส่วนลึกของตัวเราที่ไม่มีใครสามารถไปควบคุมอะไรมันได้ บวกกับเมืองที่มันสามารถปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นตัวตนของเราได้ไม่ว่าจะด้านใดก็ตาม ผมรู้สึกว่ามันคือการค้นหาตัวเอง นอกจากคุณจะมีโอกาสได้ค้นหาตัวเองในไทยแล้ว คุณยังมีโอกาสได้ไปค้นหาตัวเองในที่ที่มีชื่อเสียงในอาชีพที่คุณตั้งใจจะทำมันในอนาคตด้วย
ฝากน้องเงินเล่าเรื่อง การทำงานปัจจุบันกับบริษัท 56th Studio ในปัจจุบัน นิดนึงค่ะ
ว่าเรานำความรู้มาปรับใช้อะไรบ้าง ?
จริง ๆ เป็นบริษัทที่ทำทั้งเฟอร์นิเจอร์ Styling และออกแบบแนวไทยประยุกต์ด้วย ด้วยความที่เราเป็นคนมันส์ ๆ ความหลากหลายของเรา ทำให้ทำงานได้หลากหลายมากขึ้น หรือได้ทำงานในแนวที่คนอื่นไม่ค่อยจะได้เจอ ได้ใช้สิ่งที่เรียนรู้จากการไปเรียนที่มิลานมาใช้ในงานด้วย เพราะอิตาลีเนี่ย จริง ๆ มีความคล้ายไทยมากนะ ทั้งเป็นเมืองศาสนาเหมือนกัน นิสัยคนที่ค่อนข้างจะมีความยืดหยุ่นความอะไรก็คล้าย ๆ กัน
ในด้านศิลปะยังมีสิ่งที่เหมือนกันเลย เช่น ลวดลายที่โดดเด่นของศิลปะแบบบารอก (Baroque) มันเหมือนกับลายรดน้ำของไทย แต่เวลาจะเอา elements อะไรมาใช้ในงานเราก็จะต้องดูความเหมาะความอะไรด้วย อันนี้อยู่ที่อิตาลีดี แล้วเอามาอยู่ที่ไทยจะดีเหมือนกันไหม อะไรแบบนี้
สรุป การไปเรียน ป.โท เราได้อะไรกลับมาบ้างคะ ?
ส่วนตัวผมมองว่าการเรียนต่อ ป.โท มันเป็นการตลาดในตัวเองแบบหนึ่งนะ เหมือนเป็นการเพิ่มเครดิต ความน่าเชื่อถือในตัวเรา พูดอะไรคนก็ฟังมากขึ้น แล้วเราอยากจะทำอะไรที่เป็นของตัวเองด้วย เลยคิดว่าการที่เราได้ไปเรียนต่อมันสร้างความพิเศษ มันสร้างจุดขายให้เรา และเป็นจุดเริ่มต้นของการเริ่มสร้างสิ่งที่เป็นของตัวเองอย่างที่ตั้งใจไว้
ยิ่งเวลาบอกว่าเราจบดีไซน์จากอิตาลี คนจะมีความคาดหวังสูงว่าแบบ เฮ้ย จบดีไซน์จากอิตาลีเลยนะ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องเค้นความเป็นตัวเองออกมา สิ่งที่เราได้จาก Domus Academy คือทำให้เราวิเคราะห์ และประเมินค่างานออกแบบได้ว่าอันไหนดีอันไหนไม่ดี
พูดง่าย ๆ คือ เหมือนมี sense มากขึ้น พอเรามีทักษะตรงนี้แล้วเรากลับมาไทย ก็เห็นเลยว่าในแวดล้อมเรามีสิ่งให้หยิบจับมากมาย โดยเฉพาะตัววัฒนธรรมไทย ที่ยังมีช่องให้หยิบจับได้อีกมากมาย เช่น ทำไมเจดีย์ไม่มีฟังก์ชัน แต่โคตรไอคอนิค ชุมชนมอญ อยู่กับชุมชนไทยแล้วมีการแต่งกายที่เป็นวิถี อะไรแบบนี้
ผมรู้สึกทึ่งกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผม เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยสังเกตมาก่อน มันทำให้เกิดความน่าสนใจในชีวิตเราขึ้นมา จากที่เราลืมตาขึ้นมาก็เจอแบบนี้ตั้งแต่แรก แต่หลังจากไปอิตาลีแล้วกลับมา เหมือนเกิดใหม่ที่ไทยอีกที หรือพูดง่าย ๆ ว่า รู้สากลก่อนแล้วมารู้เนี่ย เป็นอะไรที่ได้เปรียบมาก ๆ
ขอบคุณ คุณเงิน สำหรับ บทสัมภาษณ์มันส์ ๆ
ใครอ่านแล้วอยากติดตาม designer คนนี้
Follow IG: _noppwutt_
สนใจเรียนต่อ ปริญญาโท สาขา Product Design
สถาบัน Domus Academy, Milan Italy
ปรึกษาเราได้เลยนะคะ แนะนำโดยศิษย์เก่าจากทางสถาบัน ละเอียดทุกขั้นตอน บริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย