Review ArtVise Education
สนใจ Domus Academy อยู่แล้ว และกำลังศึกษาว่าทำอย่างไรจะได้ไปเรียนที่นั่น พอเรารู้ว่าทาง Domus มีทุน เลยตั้งใจส่งงานไป ซึ่งทาง Artvise ก็เข้ามาให้คำแนะนำเกี่ยวกับเอกสาร ตั้งแต่ช่วงประกวด ตลอดจนการขอวีซ่า การหาที่พักอาศัย ทำให้เรื่องเอกสารที่สับสนง่ายขึ้นมาก
CHONTHICHA UBONKHLI
– Fern –
Interior and Living Design
จุดเด่นของที่นี่คือการเรียนภาคปฏิบัติ ทำ Workshop ร่วมกันเป็นกลุ่ม ซึ่งนักศึกษาจะได้รับบรีฟการทำงานจากแบรนด์จริงๆ หรือในที่นี้ก็คือลูกค้าของเรา ที่มาจากบริษัท แบรนด์ หรือโรงแรมที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ระหว่างการทำงานแต่ละโปรเจค ก็จะมี Project Leader คอยให้คำแนะนำ และเรียนเลกเชอร์ผสมไปด้วย
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัด จากการเรียนในสมัย ป.ตรี หลักๆ คือ การเรียนที่นี่จะให้ความสำคัญกับการคิด Concept ก่อนการทำงาน การ Research เพื่อให้ได้มาซึ่งคอนเซปการทำงาน เป็นสิ่งที่สำคัญมาก พอเราได้ Concept แล้วค่อยแตกเป็น Function และแน่นอนที่ขาดไม่ได้คืองาน Design ให้สวยงาม
ทำความรู้จักกับศิษย์เก่า ซักนิดนึงค่ะ
“เฟิร์น” จบจาก มหาวิทยาลัยศิลปากร คณะมัณฑนศิลป์ ภาควิชาออกแบบตกแต่งภายใน และทำงานด้าน Interior Design อีก 4 ปี ก่อนตัดสินใจไปเรียนต่อ
จุดที่ทำให้ตัดสินใจคือ เรารู้สึกเหมือนไม่รู้อะไรเพิ่มเติม จึงคิดว่าถึงเวลาที่เราต้องกลับไปเรียน ซึ่งตอนนั้นก็หาที่เรียนหลายที่มากๆ หลักๆคือ เราอยากไปเรียนทางด้านแนวคิด Concept จึงดูที่ Europe เป็นหลัก ประกอบกับตอนนั้นทาง Domus Academy ก็มีทุนการศึกษา ก็เลยตัดสินใจส่งผลงานร่วมประกวดค่ะ
DOMUS ACADEMY
The Most Visionary Postgraduate Design School
Meet Fabio Novembre
– Domus Academy Scientific Director –
ทำไมถึงตัดสินใจไปเรียนต่อ ป.โท ที่สถาบัน Domus Academy ?
มหาวิทยาลัยศิลปากร ก่อตั้งโดย ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี ซึ่งเป็นชาวอิตาเลียน ดังนั้นพื้นฐานแนวความคิดการเรียนการสอนที่ศิลปากร ก็มาจากที่นั่น ประกอบกับ เราเองเคยได้ยินชื่อของ Domus Academy มาบ้าง เพราะมี เพื่อนๆ รุ่นพี่ รวมถึงอาจารย์จากที่ศิลปากร หลายๆท่าน ที่เคยไปเรียนต่างก็แนะนำ เราเลยอยากมาเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ
ภาพรวมของคอร์ส Interior and Living Design เป็นยังไงบ้างคะ ?
การเรียนการสอนของที่นี่จะเน้นภาคปฏิบัติ หรือการทำเวิร์คชอปร่วมกัน ซึ่งในช่วงแรกๆ ก่อนเริ่มทำ workshop จริง ก็จะมี workshop สั้นๆ เพื่อให้เราได้รู้จักกันก่อน ให้เราปรับตัวกับการเรียน รวมทั้งได้เห็นงาน Individual ของเพื่อนๆ แต่ละคน ทำให้ได้เห็นสไตล์ แนวคิดในการทำงานของเพื่อนในคลาส ก็จะเป็นช่วง Intro อยู่ประมาณ 2-3 weeks
หลังจากนั้นก็จะได้ทำ workshop จริง โดยมีบริษัท หรือแบรนด์เข้ามาให้โจทย์ในการทำงาน รวม 4 workshop และฝึกงานก่อนเรียนจบอีก 2-3 เดือน
สำหรับเราที่มีประสบการณ์การทำงานมาก่อนหน้า เราคิดว่าการทำงานเป็นกลุ่มกับเพื่อนต่างชาติ ทำให้เราได้เห็นมุมมองที่กว้างขึ้น เห็นความแตกต่างทางความคิด ได้รู้จักการบริหารคน และบริหารเวลา การนำความรู้ของเรา และของเพื่อนในกลุ่ม มาผสมผสาน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีในการทำงาน
สิ่งที่ทางสถาบันเน้นมากๆ คือ การขัดเกลา Concept ให้กับเรา จึงตอบโจทย์การมาเรียนของเรามากๆ ส่วนในเรื่องของ skill program ในการใช้ทำงานจะไม่ได้เน้นมาก ซึ่งตรงนี้เราต้องฝึกเพิ่มเติมเอง
ฝากแชร์ประสบการณ์ การทำ Workshop ได้เจอกับแบรนด์ไหนบ้าง แล้วการทำเป็นยังไงบ้าง
เราได้ทำ Workshop ทั้งหมด 4 ครั้ง ร่วมกับ 4 แบรนด์ ด้วยกัน ซึ่งโจทย์การทำงานก็จะมีความหลากหลาย
Workshop แรก เราได้ร่วมงานกับ องค์กร Music Innovation Hub ที่ต้องการทำ Music Hub ให้กับนักดนตรี รวมถึงการจัดงานดนตรี งานครั้งนี้จึงเน้นไปทาง Public Space โดยทางองค์กร มีโครงการที่จะทำงานจริง จึงมีพื้นที่จริงอ้างอิงในการออกแบบ
โดยส่วนตัว เฟิร์นไม่เคยทำงาน Public Space จึงแปลกใหม่สำหรับเรา โดยบรีฟ ที่ทางองค์กรกำหนดมา จะให้อิสระกับเราทั้งเรื่องคอนเซป และการดีไซน์ คือ มีกำหนดเพียงการใช้งาน Function ที่ต้องการมาให้ เช่น อยากได้พื้นที่ทำอะไรบ้างกี่เปอร์เซ็นต์ และให้เราไปดูพื้นที่จริง สำรวจ Site แต่ละกลุ่มก็จะคิด Concept ทำงานออกแบบนำเสนอ
Workshop ต่อมา ได้ทำงานออกแบบ Hostel ค่ะ ร่วมกับแบรนด์ Ostellobello ซึ่งเป็น Chain Hostel ที่มีชื่อเสียงในอิตาลี มีแผนที่จะทำโรงแรมในเมืองแห่งหนึ่งในประเทศอิตาลี โดยเป็นการใช้ตึกเก่าแก่อายุกว่า 100 ปีมาทำการรีโนเวท
โดย Concept การทำงาน ทางแบรนด์ก็จะกำหนดคร่าวๆ ว่าต้องการผสมผสานเรื่องราวของท้องถิ่น และความสนุกสนานของ Hostel เอง เข้าไปในพื้นที่ ทำให้เราต้องมาศึกษาวัฒนธรรม มาดึงบริบทของเมืองนั้นๆ มาผสมผสานกับ Value ของการมาอยู่ Hostel ให้ได้ โดยต้องคำนึงถึงผู้มาใช้บริการเป็นหลัก ในโจทย์นี้ เราได้ไปดูงานของโรงแรมแบรนด์เดียวกันนี้ ที่ตั้งอยู่ที่มิลาน เพื่อศึกษา Brand Value รวมถึงมาทำความเข้าใจปัญหาของเค้ามาปรับปรุง เช่น การผสมผสานเทคโนโลยี การบริการ เพิ่มเติมเข้าไปในการออกแบบ เพื่อให้ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ รวมถึงการออกแบบ Furniture ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ สำหรับการใช้งานให้กับ Hostel
สำหรับตัวพื้นที่จริงเราก็ต้องศึกษาโครงสร้างเก่าของตึก ว่าอะไรควรเก็บ เพื่อให้คงความเป็นประวัติศาสตร์ของตึกไว้ ก็เป็นโจทย์ที่ท้าทายมากค่ะ เพราะเมืองที่โรงแรมจะไปก่อสร้างนั้น มีวัฒนธรรมที่ผสมผสานทั้งจาก อาหรับ และยุโรป รวมถึงมีความชัดเจนในเอกลักษณ์ท้องถิ่น นอกจาก Concept งานดีไซน์ที่ต้องออกมาสวยงาม กลมกลืน ใช้งานได้คุ้มค่าแล้ว เรายังต้องคำนึงถึง Budget อีกด้วย ด้วยความที่โจทย์เป็นงาน Hostel จะต้องทำไม่แพงมาก
Workshop อีกอัน ที่เราประทับใจ คือ ได้ร่วมกับแบรนด์ Ducati โดยงานนี้เป็นโปรเจคที่เราได้ร่วมกับ สาขา Visual Brand Design โดยโจทย์จะผสมความเป็น Brand Identity เข้าไปในงาน Interior ซึ่งงาน Identity ทำให้เราต้องคำนึงถึง Target Group โดยทางแบรนด์เองก็จะมีโจทย์ ว่าต้องการขยายฐานลูกค้า ซึ่งกลุ่มของเฟิร์นก็ศึกษาในเรื่องของพื้นที่ และนำเสนอการออกแบบที่ไปในเชิง Futuristic เช่น มีการใช้ Lighting ให้ Connect พื้นที่ และผู้คน เพิ่ม Function ที่ตอบโจทย์กับลูกค้ากลุ่มใหม่เข้าไป และทำให้เป็นพื้นที่ Socialize Space มากขึ้น
นอกจากเวิร์คชอปตอนเรียนในคลาส แล้วทาง Domus Academy มีกิจกรรมเสริมอื่นๆอีกมั้ยคะ ?
ทาง Domus Academy จะมีกิจกรรม Design Marathon ซึ่งนักเรียนสามารถจะร่วม หรือไม่ร่วมก็ได้ค่ะ
เฟิร์นได้ร่วม Design Marathon ซึ่งโจทย์การทำงานครั้งนี้ ร่วมกับ บริษัท Google เรียกได้ว่าไม่เคยทำงานแนวนี้มาก่อนเลยค่ะ เพราะการออกแบบครั้งนี้ไม่ใช่งาน Interior แต่เป็นงาน Innovative Product
เราได้จับกลุ่มกัน มีเพื่อนจากสาขา Interior และ Product และกิจกรรมนี้จะเป็นกิจกรรมที่ให้เวลาทำสั้นๆ ตั้งแต่รับโจทย์มา จนถึงการพรีเซนต์งาน เราจะมีเวลาแค่ 48 ชั่วโมง ในการทำงานเท่านั้น ทำให้เราต้องทำงานเร็วมาก แข่งกับเวลา ตอนนั้นเครียดมาก แต่ก็สนุกมากๆค่ะ
ซึ่งในการทำงานเอง จะมี Product Designer, Furniture Designer หลากหลายท่าน มาคอยให้คำแนะนำ Francesco Dompieri, Hanna Ehlers และ Francesco Librizzi เป็น mentor ให้แต่ละกลุ่ม ช่วยขัดเกลาผลงาน และเราต้อง Present งานให้กับ mentor ทุกๆ 2 ชม. และสุดท้าย เราก็ต้อง Present ให้กับทาง Google และ Studio Novembre ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง Partner สำคัญในงานครั้งนี้
สุดท้ายทาง Google จะเลือกผลงานที่ดีที่สุด 10 งาน จาก 10 กลุ่ม ไปพัฒนาต่อกับทาง Studio Novembre เพื่อทำ Prototype ซึ่งขั้นตอนนี้ก็มีแบรนด์หลากหลายมาร่วม อาทิ Bitossi, Driade, FontanaArte, Kartell หลังจากที่ได้ Prototype แล้ว จะมีการนำผลงานไปจัดแสดงที่ งาน Talking Crafts Exhibition ที่ ย่าน Garibaldi ซึ่งเป็นอีกย่านดีไซน์สำคัญ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมิลาน เพื่อจัดแสดงงาน และเปิดพื้นที่ให้บุคคลทั่วไปเข้ามาดูผลงาน
ได้มีโอกาสเจอกับ อาจารย์ หรือ Designer ท่านไหนที่เราประทับใจบ้างมั้ยคะ
เฟิร์นได้เจอกับ Designer หลายๆท่าน ขอยกตัวอย่าง ท่านที่เราประทับใจมากๆ นะคะ
ท่านแรก Mr. Andrea Branzi เป็นหนึ่งในกรุ๊ป Memphis ได้เข้ามาร่วม lecture แชร์ประสบการณ์การทำงาน วิธีการทำงาน กระบวนการคิด concept ก่อนจะออกมาเป็นชิ้นงาน การทำ research ที่มันมีดีเทลที่ลึกมากๆ ทำให้เราเห็นว่า ทำไมเค้าถึงประสบความสำเร็จ อันนี้เราคิดว่าเป็นหัวใจหลักในการทำงานออกแบบเลย
Photo credit: https://www.architecturaldigest.com/story/andrea-branzi-furniture-resurgence
ท่านที่สอง Mr. Gianandrea Barreca เป็นสถาปนิกที่มีชื่อเสียง ผลงานที่โดดเด่น ‘Bosco Verticale’ (Vertical forest) ที่เป็นออกแบบร่วมกับ STEFANO BOERI, GIANANDREA BARRECA, GIOVANNI LA VARRA เป็นตึกที่ใช้แนวคิด Sustainable design ในการออกแบบ ซึ่ง Mr. Gianandrea มาเป็น project leader ในการทำ workshop ให้กับสาขา Interior & Living Design
Photo credit: https://www.domusacademy.com/news-and-events/gianandrea-barreca-lecture-architectural-project-exterior-and-interior
มาพูดถึงเรื่องฝึกงานกันบ้างดีกว่า เฟิร์นได้ไปฝึกงานที่ไหนคะ ?
เฟิร์นได้ฝึกงานที่ DC10 Architect โดยขั้นตอนต่างๆ ทาง Career Services ของทาง Domus Academy จะช่วยดูแลทั้งหมด
เริ่มตั้งแต่ แนะนำวิธีการทำ CV และการจัด Portfolio เพื่อให้ตรงกับความสนใจของบริษัทดีไซน์ ที่ประเทศอิตาลี ส่วนอาจารย์ที่เป็นผู้ดูแลคอร์ส เค้าจะสอบถามเรา ว่าเราอยากทำงานอะไร หรือทำที่บริษัทไหนเป็นพิเศษ แล้วทาง Domus academy ก็จะติดต่อ รวมถึงส่ง Portfolio ของเราไปด้วย พอได้รับการตอบรับ ทาง Career Services จะแจ้งเรา และทำการนัดวัน-เวลา เตรียมเอกสารการฝึกงานให้เรา
ในตอนนั้นเฟิร์นได้ไปสัมภาษณ์งานทั้งหมด 2 แห่ง ได้รับการตอบรับทั้ง 2 แห่ง และเราก็เลือกทำที่ บริษัท DC10 Architects เนื่องจากเนื้องานตรงกับความสนใจ โดยเราได้ไปช่วยงาน Senior Architect ทำโปรเจคขนาดใหญ่ ก็ได้รับประสบการณ์ในการทำงาน รวมถึงเห็นสไตล์ในการทำงานของชาวอิตาเลียนค่ะ
แล้วการใช้ชีวิตในมิลานเป็นยังไงบ้าง เตรียมตัวอะไรก่อนไปไหม
สำหรับผู้ที่สนใจงานออกแบบ โดยเฉพาะงาน Interior การได้มาเรียนที่นี่ คือได้เห็นอะไรเยอะมาก งาน Interior ที่ Milan ดีมาก นอกจากนั้น ยังมีอีเว้นต์ต่างๆ อย่าง Milan Design Week ทำให้เราได้ไปอัพเดท ศึกษาเทรนด์ ร้านรวงที่นี่ก็จัดเต็มด้านการออกแบบ แค่เราเดินอยู่ในเมืองก็ได้ศึกษางานแล้ว ไม่เฉพาะงานอีเว้นต์ใหญ่ๆ ที่มิลานจะมี Exhibition หมนุเวียน ให้ได้ไปอัพเดทตลอด
สำหรับการสื่อสาร ตอนเรียนก็จะไม่มีปัญหาเลย เพราะทุกคนคุยกันเป็นภาษาอังกฤษหมด สื่อสารกันได้ ในตัวเมืองมิลาน ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยว คนก็พอจะพูดภาษาอังกฤษพื้นฐานได้ แต่หากใครสื่อสารภาษาอิตาเลียนได้ ก็ดี เพราะจะอยู่สนุกไปกว่าเดิมอีก
การใช้ชีวิตก็สะดวกสบาย เดินทางง่าย ใช้ชีวิตง่าย อาหารการกินก็สบาย หากใครอยากกินอาหารเอเชีย ก็ไปซื้อที่ China Town ได้ อยู่ในตัวเมืองเลย
อีกเรื่องที่คนมักจะกังวลคือเรื่องโจรซึ่งเฟิร์นไม่เจอเลย เพราะตัว Domus Academy เอง อยู่ในโซนที่ไม่อันตราย เป็นเขตโรงเรียน ร้านค้า บ้านพักอาศัย และเราเองไม่แต่งตัวล่อแหลม หรือพกของมีค่า
นอกจากนี้การอยู่อิตาลี ก็เดินทางไปประเทศอื่นได้ง่ายมากๆ ซึ่งระหว่างจบ workshop แต่ละครั้งก็จะมี break ให้เราได้เดินทางไปสถานที่ต่างๆ อย่างเฟิร์นเป็นชอบดูงานสถาปัตยกรรม ก็ได้ไปดูงานเยอะมาก เช่น ไป Hungary Austria ได้เห็นงานสถาปัตยกรรมเก่าแก่ หรือไปดูงาน Modern Architect ในแถบประเทศ Germany Conpenhagen
สรุป การไปเรียน ป.โท เราได้อะไรกลับมาบ้างคะ ?
นอกจากเรื่องการเรียนแล้ว สำหรับเราการมาที่นี่มันเป็นการเปิดโลกทัศน์แม้ว่าจะทำงานมาเยอะแล้ว แต่เราได้เรียนรู้อะไรใหม่เยอะมากๆ ได้เห็นวิธีคิดจากดีไซเนอร์คนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ หรือเพื่อนร่วมคลาส การเรียนเป็นเหมือนกับการที่เราได้แชร์ประสบการณ์ ได้พัฒนาตัวเองอยู่ตลอด และได้พัฒนาการนำเสนอผลงานในแง่ของเนื้องาน และวิธีการนำเสนอ
การได้อยู่แวดล้อมด้วย Environment ของงานดีไซน์ ทำให้เราได้พัฒนาไปด้วย ได้เห็นถึงความเป็น Italian Design ที่มีอัตลักษณ์ และกลิ่นอายของงานที่ชัดเจน
ขอบคุณ คุณเฟิร์น สำหรับ บทสัมภาษณ์
Follow IG: hibelto
สนใจเรียนต่อ ปริญญาโท สาขา Interior & Living Design
สถาบัน Domus Academy, Milan Italy
ปรึกษาเราได้เลยนะคะ แนะนำโดยศิษย์เก่าจากทางสถาบัน ละเอียดทุกขั้นตอน บริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย