Review ArtVise Education
พี่เมให้คำปรึกษาดีมากค่ะ ตั้งแต่เริ่มต้น ช่วยแนะนำเรื่องการขอทุน ช่วยเรื่องเอกสารต่างๆที่เกี่ยวกับมหาลัย ที่อยู่ การเดินทาง การใช้ชีวิตเบื้องต้น ไปอยู่แล้วมีปัญหาก็ยังคอยถามเรื่อยๆ จนทุกวันนี้กลับมา พี่เมย์ก็ยังคงทักทายอยู่บ่อยๆ น่ารักมากค่ะ
PUTTIKARN SAIKLIANG
– Da –
Interior and Living Design
ดา เรียนสาขา Interior & Living Design สถาบัน Domus Academy ค่ะ ที่นี่จะเน้นเรื่องการออกแบบมาก ให้รู้จักการดีไซน์จริงๆ ไม่ใช่แค่การแบ่ง Space จัดพื้นที่ จัด function แต่การออกแบบที่มีดีเทลลึกไปมากกว่านั้น
ทำให้เราได้รู้จักการดีไซน์จริงๆ โจทย์การเรียนก็จะมีความหลากหลาย มีทั้ง Retail, Hostel, Public Space และต่อให้เราเรียนจบด้านนี้มาอยู่แล้ว ก็รู้สึกว่าได้อะไรเยอะมาก รวมถึงมีโอกาสได้ทำงานร่วมกับสาขาอื่นๆ อย่างของดา ได้ร่วมทำโปรเจคกับสาขา Visual Brand Design & Product Design ด้วยค่ะ ทำให้เราคำนึงถึงงานนอกเหนือไปจากงาน Interior Design
ทำความรู้จักกับศิษย์เก่า ซักนิดนึงค่ะ
“ดา” จบจากมหาวิทยาลัยศิลปากร คณะมัณฑนศิลป์ ภาควิชาออกแบบตกแต่งภายใน หลังจากเรียนจบ ป.ตรี เราสนใจอยากไปเรียนรู้ในที่ใหม่ๆ กับกลุ่มเพื่อนต่างชาติที่มีแนวความคิด และวัฒนธรรมแตกต่างกัน
รวมถึงอยากไปอยู่ในที่ที่เป็นสถานที่ของการออกแบบจริงๆ อย่างเมืองมิลาน เพื่อไปเรียนรู้ความแตกต่าง และที่จะพิสูจน์ตัวเองด้วยค่ะ ซึ่งการที่เราไปเรียนต่อในครั้งนี้ ทำให้เรา open mind มากขึ้น ได้เรียนรู้ความหลากหลายของดีไซน์ ทั้งจากเพื่อน อาจารย์ผู้สอน และในสถานที่ที่เราไป เราจึงตัดสินใจไปเรียนต่อ ที่ Domus Academy ค่ะ
DOMUS ACADEMY
The Most Visionary Postgraduate Design School
Meet Fabio Novembre
– Domus Academy Scientific Director –
ทำไมถึงตัดสินใจไปเรียนต่อ ป.โท ที่สถาบัน Domus Academy ?
มีคนแนะนำมาค่ะ และดาเองรู้จักกับสถาบัน Domus Academy อยู่แล้ว รวมถึงอาจารย์ที่คณะก็แนะนำ สนับสนุน เนื่องจากมีรุ่นพี่ที่เรียนจบ และไปเรียนต่อที่ Domus Academy ซึ่งแต่ละคนกลับมา ก็สามารถพิสูจน์ตัวเอง ประสบความสำเร็จ และด้วยสถานที่ด้วย มิลาน เป็นเมืองแห่งแฟชั่น และการออกแบบ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เราอยากไปเรียนรู้ที่นั่น
ภาพรวมของคอร์ส Interior and Living Design เป็นยังไงบ้างคะ ?
การเรียนการสอนของที่นี่จะเน้นภาคปฏิบัติ หรือการทำเวิร์คชอปร่วมกัน โดยตลอดหลักสูตรที่เรียน จะแบ่งเป็น 4 workshops โดยมีบริษัท หรือแบรนด์เข้ามาให้โจทย์ในการทำงาน ในแต่ละโปรเจค จะมีทั้งการทำ Workshop และ Lecture สลับกันไป ทำให้หลากหลาย ไม่น่าเบื่อ และสุดท้ายนักเรียนจะได้ไปฝึกงานก่อนเรียนจบอีก 2-3 เดือน
ฝากแชร์ประสบการณ์ การทำ Workshop ได้เจอกับแบรนด์ไหนบ้าง แล้วการทำเป็นยังไงบ้าง
เราได้ทำ Workshop ทั้งหมด 4 ครั้ง ร่วมกับ 4 แบรนด์ ด้วยกัน ซึ่งโจทย์การทำงานก็จะมีความหลากหลาย
โดย Workshop ที่ 1 ได้ทำงานร่วมกับ แบรนด์ Hostel ของอิตาลี ‘Ostellobello’ ซึ่งทาง Hostel จะเข้ามาให้ Lecture กับเรา และมีการเชิญ Project leader เข้ามาจากข้างนอก ซึ่งจะมาแนะนำ และมาตรวจโปรเจคให้เราทุกๆอาทิตย์
ในโจทย์นี้ ทางโรงแรมต้องการ renovate พื้นที่โรงงานไฟฟ้าเก่า ให้เป็นสถานที่รับรองนักท่องเที่ยว แบบ backpack ที่มาเที่ยวในท้องถิ่นนั้นๆ โดยเอากิจกรรม วิถีชีวิตของผู้คนในท้องถิ่น มาผสมผสานในการออกแบบ โดยเราต้องไปศึกษา Space ดูพื้นที่ แล้วทาง Hostel จะบอก Requirement และ Target ว่าต้องการ function อะไรบ้าง
สำหรับ Workshop ที่ 2 ได้ร่วมกับทำงานกับสาขา Visual Brand Design ซึ่งงานนี้จะเน้นไปทางด้าน Visual Design แต่เราในฐานะของ Interior Designer เราต้องตีโจทย์ว่า จะทำยังไงให้ Visual นั้นมาอยู่ในงาน Space ของเรา และเสริมในงานยังไง
ซึ่งโจทย์นี้จะเป็นการนำเสนอ Exhibition ที่ต้องการจะอนุรักษ์ภาษาที่กำลังจะหายไป ซึ่งเราก็ต้องทำ Research คิด concept ในการนำเสนอ โดยต้องคำนึงถึงพื้นที่จริงว่าทำออกมา แล้วคนในพื้นที่จะมามีส่วนร่วมได้ยังไงบ้าง
กลุ่มของเราจึงนำเทคโนโลยี และ Innovation ผสมผสาน ให้คนเข้าไปเล่นกับภาษา และ keyword ต่างๆได้ ปรับพื้นที่ให้สนุกสนาน เพื่อให้ตอบโจทย์การเรียนรู้ของคนในพื้นที่ เพื่อให้คนในพื้นที่มามีส่วนร่วม ซึ่งทำให้เราก็ต้องศึกษาเทคโนโลยี และงาน Interaction เพิ่มเติม
Workshop ที่ 3 ร่วมกับแบรนด์ Melissa Shoes ทางแบรนด์ให้โจทย์มาว่าต้องการจะเปิด Pop Up Store เพื่อเป็น Retail Space ในช่วง Summer
โดยเราก็ต้องทำความเข้าใจแบรนด์ กลุ่มลูกค้าของทางแบรนด์ รวมถึงวิธีการขายของ การทำ Marketing แล้วเราก็นำข้อมูลที่ได้มาคิดงานให้สอดคล้องกับทั้งตัวแบรนด์ ตัวสินค้า กลุ่มลูกค้า และเหมาะกับพื้นที่ที่ได้รับโจทย์มา คิด Theme ในการนำเสนอ Retail Space ให้น่าสนใจ เพื่อดึงดูดลูกค้า
ทั้งนี้ด้วยความ Pop up จะเป็นพื้นที่ชั่วคราว โจทย์ของแบรนด์คือให้เราเชื่อมโยงพื้นที่นี้สู่การ Shopping Online อีกด้วย ดังนั้นตัว kiosk นอกจากทำงานออกแบบ กำหนด Function และพื้นที่รับรองลูกค้า และเราต้องคิดต่อว่าทำยังไงให้ลูกค้าประทับใจ จำแบรนด์ได้ และกลับมาซื้อของผ่านทาง Online
สุดท้ายสำหรับโปรเจคนี้งานของกลุ่มเราได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 3 ผลงานที่ทางแบรนด์ชอบที่สุด ก็ดีใจมากค่ะ
Workshop ที่ 4 เป็นโปรเจคที่ทาง Domus ให้เราเลือกทำงานกับสาขาอื่นๆ ได้ โดยดาเลือก Identity Workshop ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับสาขา Visual Brand Design และ Product Design โดยมีโจทย์จาก Cannes Lions (International Festival of Creativity) ในการทำ Workshop นี้
โดยให้เรา ครีเอทผลงาน Innovation อะไรก็ได้ เราสามารถเลือกแบรนด์ หรือธุรกิจได้เองเลย และนำไปเสนอกับทางผู้จัด สิ่งที่ผู้จัดเน้นค่ะ Marketing ดังนั้น เราต้องตอบคำถามได้ว่า ทำไมเราถึงเลือกแบรนด์นี้ เรามองเห็นปัญหาอะไร และจะก่อให้เกิดรายได้ในธุรกิจนั้นๆ ได้อย่างไร
ทางกลุ่มเราเลือกทำงานในธุรกิจสายการบิน โดยเรามองเห็นปัญหาของผู้ที่เดินทางบ่อยๆ และมีการเปลี่ยนจุดหมายของสนามบินตลอด (ไม่ได้เดินทางแค่ในสนามบินเดิมๆ) หรือคนที่ไม่ค่อยได้เดินทาง ที่มักจะหลงทางในสนามบิน ทำให้เกิดการพลาดเครื่องบิน หรือเกิดความล่าช้าต่างๆ เราจึงนำปัญหานี้มาเป็นโจทย์ในการ Develop Product เพื่อแก้ปัญหาตรงนี้ พอได้มาทำงานนี้ เรารู้สึกว่ามีหลากหลายดี ได้มีโอกาสทำงานด้านอื่นๆ บ้าง นอกจากด้าน Interior ได้เห็น skill ของเพื่อนๆ กลุ่มอื่นๆ ที่มีความถนัดในสายออกแบบอื่นๆ ได้เห็นมุมมองการคิดงานอีกแบบไปเลย
มาพูดถึงเรื่องฝึกงานกันบ้างดีกว่า ดาได้ไปฝึกงานที่ไหนคะ ?
ระบบการหางานของที่ Domus Academy ช่วยเราได้เยอะมาก โดยฝ่าย Career Service เค้าก็จะคุยกับอาจารย์ของเรา ซึ่งอาจารย์จะรู้ Skill และความชอบ ของนักเรียนแต่ละคนในคลาส
และทางฝ่าย Student Service เองเค้าจะคุยกับนักเรียนแต่ละคน ว่าอยากทำงานแบบไหน เราเอา Portfolio ให้เค้าดู แล้วถ้าเรามีบริษัท ที่เราอยากทำงานด้วย เราก็สามารถลิสต์ให้เค้า แล้วเค้าจะติดต่อให้ หรือบางคนไม่มีลิสต์ เค้าก็จะจัดหาให้กับเรา โดยดูจากความเป็นไปได้ และความชอบของนักเรียน เพื่อนำไป match กับบริษัท
ซึ่งหากทางบริษัทตอบรับมา ทาง Domus Academy ก็จะแจ้งเพื่อนัดสัมภาษณ์ให้กับเรา ดาได้ไปสัมภาษณ์งาน 2 แห่ง แล้วเราก็เลือกทำงานที่ Mygg Studio เนื่องจากเป็น บริษัทที่ทำเกี่ยวกับ commericial และ retail ซึ่งตรงกับสิ่งที่เราสนใจ และเจ้าของบริษัทก็ดีมากๆ ค่ะ
แล้วการใช้ชีวิตในมิลานเป็นยังไงบ้าง เตรียมตัวอะไรก่อนไปไหม
คุ้มค่ามาก เปลี่ยนความคิดการใช้ชีวิต ได้เรียนรู้เรื่องการออกแบบ ได้เห็นอะไรเยอะมาก รวมทั้งตอนไปดูงาน Milan Design Week ที่มันตื่นตามาก ได้ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ โดยเฉพาะถ้าเป็นนักเรียนก็จะมีวันที่สามารถเข้าได้ฟรี ซึ่งในมิลานเองมีมิวเซียมเยอะมาก ดาได้ไปเยอะมากๆ ค่ะ
การใช้ชีวิตในมิลาน สะดวกสบาย เดินทางง่าย ไม่ได้อันตรายอย่างที่หลายคนกังวล เราแค่ใช้ชีวิตปกติ ระมัดระวังตัวเอง แม้จะกลับมืด แต่เราแค่ต้องระวังตัวเอง ได้ไปเที่ยวหลายที่มาก ทั้งในอิตาลี และเมืองอื่นๆ รวมถึงการเดินทางไปเมืองอื่นๆ ในยุโรปก็สนุกมาก
การได้ไปอยู่คนเดียวก็ได้มีโอกาสลองอะไรใหม่ๆ ตอนเรียนหรือการใช้ชีวิตประจำวัน ก็สื่อสารภาษาอังกฤษได้ปกติค่ะ มีแค่ ตอนไปเที่ยว ที่เราก็ต้องพยายามสื่อสารกับเค้า ซึ่งเทคโนโลยีก็ช่วยเราได้เยอะ พออยู่ไปสักพัก เราก็พอจะคุ้นภาษาเค้านะคะ เราก็ปรับตัวไปได้เอง ตอนนี้ดากลับมาไทยแล้ว แต่ก็ยังจะไปหาคอร์สเรียนภาษาอิตาเลียนเพิ่มเติม เพราะคิดว่าเราทำงานออกแบบ น่าจะได้มีโอกาสใช้อยู่ดีค่ะ
สรุป การไปเรียน ป.โท ให้ประสบการณ์อะไรกับเราบ้างคะ ?
การตัดสินใจมาเรียนครั้งนี้ที่ Domus Academy ดาตัดสินใจถูกต้องมาก ได้เรียนรู้อะไรมากกว่าที่เราเคยรู้มา ที่นี่ไม่ได้เน้นพวก Technical drawing แต่เน้นเรื่องไอเดียจริงๆ ซึ่งเราได้มาเยอะมากๆ
ถึงแม้ว่าเราจะจบจากด้านนี้มาแล้ว แต่การมาเรียนก็ได้มากกว่านั้น ได้มีโอกาสเรียนรู้กับผู้เชี่ยวชาญ ได้ทำงานกับคนชาติอื่น เห็นความคิดของเค้า เราได้เห็นอะไรมากกว่าสิ่งที่เรารู้มาแน่นอน ดาได้เรียนรู้อะไรที่ใหม่มากขึ้นเยอะมากเลยค่ะ แนะนำจริงๆ ค่ะ
ขอบคุณ คุณดา สำหรับ บทสัมภาษณ์
Follow IG: dadaptk
สนใจเรียนต่อ ปริญญาโท สาขา Interior & Living Design
สถาบัน Domus Academy, Milan Italy
ปรึกษาเราได้เลยนะคะ แนะนำโดยศิษย์เก่าจากทางสถาบัน ละเอียดทุกขั้นตอน บริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย